แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 112
บทที่ 112
เฉินโม่ไม่สนใจเรื่องเงิน เขาแค่ต้องการรวบรวมหยกที่มีพลังชะตาในฟ้าดิน เพื่อที่เขาจะได้ใช้มันพัฒนาการบำเพ็ญ แต่คนอื่นๆ ไม่ทราบ คิดว่าภายในหินนี้มีอัญมณีเลอค่าอยู่เช่นกัน จึงเร่งแข่งกันเสนอราคา
สุดท้ายสวีตงฮ่านก็ได้หินก้อนนี้ไปในราคา 30 ล้าน
เจี่ยจิ้งอานมีความสุขอย่างมาก ราคา 30 ล้านได้ทำสถิติใหม่ราคาซื้อขายสูงสุดของภูมิรวมทรัพย์ของเขาแล้ว และสูงกว่ารายได้รวมของงานพนันหินครั้งที่แล้วเสียอีก!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดหินนี้ออกมา ทุกคนต่างก็ตลกอย่างมาก
มันเป็นเพียงหยกธรรมดา แม้ว่ามันจะเป็นหยกเลอค่า แต่มูลค่ารวมไม่เกิน 10 ล้านอย่างแน่นอน และ สวีตงฮ่านขาดทุนไปอย่างเต็มๆ !
เจี่ยจิ้งอานและฉู่เหวินสงเป็นศัตรูเก่าของสวีตงฮ่าน พวกเขาหัวเราะอย่างมีความสุขอย่างมาก
ผู้คนที่เหลือต่างก็ยินดีในความโชคร้ายของเขา พวกเขารู้สึกว่าเฉินโม่จงใจเล่นงานสวีตงฮ่านด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม สวีตงฮ่านไม่ได้แสดงความทุกข์ใดๆ ออกมา เพราะชายชราผอมบางที่อยู่ข้างๆ เขา ขอให้เขาเอาหยกนี้ให้ได้โดยทุ่มทุกอย่าง
คนอื่นๆ คิดว่าสวีตงฮ่านขาดทุน แต่เฉินโม่รู้ว่าหยกธาตุไม้ชิ้นนี้มีประโยชน์อย่างมากกับชายชราร่างผอมบางที่ฝึกฝนปราณหยิน แม้จะเสียเงินมากแค่ไหนก็คุ้มค่า!
นอกจากหินสองก้อนนี้แล้ว เฉินโม่ไม่สัมผัสถึงหินอื่นใดๆ ที่มีพลังชะตาในฟ้าดินแล้ว ฉะนั้นเขาจึงหมดความสนุกกับการประมูลต่อๆ มา เขานั่งอยู่ที่ของตนและหลับตาพักผ่อน
ฉู่เหวินสงขอคำแนะนำจากเฉินโม่เป็นระยะๆ เฉินโม่ก็ให้คำแนะนำหลายครั้ง ให้เขาได้กำไรมามากมาย
เวลาเที่ยงวัน งานพนันหินจบลง หินทั้ง30ก้อนประเมินเสร็จสิ้นลง
สวีตงฮ่านมีชายชราร่างผอมคนนั้นคอยแนะนำ ฉะนั้นเขาเองก็มีกำไรไม่น้อย แต่ต้องลบราคาของหยก30ล้านนั้นไปก่อน
หลินเทียนหยาเสียเงินไปอย่างมาก ก่อนที่จะจากไปเขามองจ้องไปที่สวีตงฮ่านและเฉินโม่ด้วยแววตามืดมน จากนั้นเขาได้สั่งให้คนพาหลินทาวที่สีหน้าตะลึงอย่างมากไปด้วย
ฟางปู้ถงคนที่ร่ำรวยที่สุดในชิงหยางขาดทุนไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นหนักมาก เพียงแต่ก่อนเขาจากไป เขามองไปที่เฉินโม่และยิ้ม ราวกับว่าเขาสนใจที่จะเป็นมิตรกับเขา แต่เมื่อเห็นเฉินโม่ไม่สนใจเขา ชายที่ร่ำรวยที่สุดก็เขินอายเล็กน้อยและจากไปอย่างโกรธเคือง
เจี่ยจิ้งอานก้าวลงจากเวที และเดินเข้าไปหาเฉินโม่ เขายิ้มและกล่าวด้วยท่าทีเคารพอย่างยิ่งว่า “คุณเฉิน งานพนันหินครั้งนี้ต้องขอบคุณมากๆ นะครับ ผมจะทำตามสัญญาตอนนี้ เชิญคุณเฉินไปที่หลังเวทีครับ!”
ฉู่เหวินสงตกตะลึงและมองไปที่เจี่ยจิ้งอานด้วยความประหลาดใจ “เจ้าอ้วน อย่าบอกนะว่านายจะพาคุณเฉินไปที่โกดังของภูมรวมทรัพย์!”
เจี่ยจิ้งอานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ฉู่เหวินสงอุทาน “ถ้าเป็นเช่นนั้น ครั้งนี้นายใจกว้างเสียจริง!”
แม้ว่าเฉินโม่จะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในโกดังของภูมรวมทรัพย์ แต่สถานที่ที่สามารถทำให้เจ้าสัวแห่งเมืองอู่โจวตะลึงได้ แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เจี่ยจิ้งอานยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “คุณเฉิน เชิญครับ!”
เฉินโม่พยักหน้ารับ เขาพาเฉินซงจื่อและเอียนชิงเฉิงเดินตามเจี่ยจิ้งอานไปที่ประตูหลังแท่นหิน
หยางเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ มองดูเฉินโม่เข้าไปที่หลังเวที ความตะลึงบนใบหน้าของพวกเขาก็คลี่คลายลง
อานเข่อเยว่เหลือบมองที่แผ่นหลังของเฉินโม่อย่างแผ่วเบา ไม่รู้เพราะอะไร เธอกลับรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
มู่หรงยานเอ๋อร์ดูตื่นเต้น เฉินโม่ทำให้เธอเซอร์ไพรส์มามากแล้ว
หยางเชี่ยนเชี่ยนกล่าวว่า “ไปกันเถอะ!”
อานเข่อเยว่พยักหน้า และคนอื่นๆ ก็ออกไปพร้อมกัน
หลังจากไปถึงโกดังภูมรวมทรัพย์ เฉินโม่ก็เข้าใจว่าทำไมแม้แต่ฉู่เหวินสงก็ตะลึงอย่างมาก
พื้นที่ของโกดังนี้มีขนาดใกล้เคียงกับห้องโถงด้านนอก และเต็มไปด้วยหินทุกชนิด มีมากกว่าหินที่วางข้างนอกอย่างน้อยสิบเท่า
ฉู่เหวินสงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เจ้าอ้วนเจี่ย นายมีสินค้าคงคลังมากมายขนาดนี้ เปิดงานพนันหินทุกวันก็ยังพอใช้ แล้วทำไมนายถึงเปิดทุกเสาร์ล่ะ?”