แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 118
บทที่ 118
เฉินโม่ไม่แม้แต่จะมองเขา และพูดกับเฉินซงจื่อซึ่งชื่นชมเขาอย่างมากว่า “ไปนำหยกธาตุไม้บนตัวเขามา!”
เฉินซงจื่อเดินตรงไปยังร่างของหวางไต้ซือ จากนั้นก็หยิบหยกเขียวมรกตออกจากแขนร่างเขาและเก็บเอาไว้
ฉู่เหวินสงและเจี่ยจิ้งอานซึ่งนั่งดูภาพนี้อยู่ไม่ไกล วิ่งกลับด้วยความตื่นเต้น
“คุณเฉิน คุณคือไต้ซือที่แท้จริง!” เจี่ยจิ้งอานยกนิ้วโป้งและยกยอด้วยความเคารพ
ฉู่เหวินสงมองไปที่เฉินโม่และกล่าวด้วยความเคารพ “คุณเฉิน ไม่สิ เฉินเทียนซือ ท่านเหมือนดั่งเทพที่มาจากสวรรค์!”
เฉินโม่มองไปที่ทั้งสองคนและรู้ว่าเรื่องของสายฟ้าสังหารหวางไต้ซือจะต้องอธิบายให้ชาวโลกทราบ จึงกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ฉันไม่ใช่เทียนซือ ฉันเป็นแค่ผู้บำเพ็ญ และรู้วิชาเล็กน้อยเท่านั้น!”
เฉินโม่ยังพูดไม่จบ เหล่าเทียนซือที่ว่านั้น หากเทียบกับผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งแล้ว เทียบไม่ติดเลยผู้!
ฉู่เหวินสงและเจี่ยจิ้งอานไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แม้ว่าเฉินโม่จะพูดไปพวกเขาก็ไม่เข้าใจ พวกเขารู้เพียงแค่ว่าเฉินโม่สามารถควบคุมสายฟ้าได้ และฆ่าคนได้อย่างเด็ดขาดก็พอ
“ในสายตาของเรา เฉินใต้ซือเป็นเทพเจ้าอย่างแท้จริง!”
“ได้โปรดเฉินใต้ซือช่วยดูแลพวกเราด้วย”
เมื่อนึกถึงภาพอันทรงพลังที่เฉินโม่กำสายฟ้าในมือแล้ว ฉู่เหวินสงและอีกคนตะลึงจากใจจริง นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้ ในสายตาของพวกเขา เฉินโม่เป็นเทพเซียนบนดิน!
เอียนชิงเฉิงก็ตกใจเช่นกัน เงาร่างของเฉินโม่ที่กำสายฟ้าเมื่อสักครู่นี้ ทำให้เธอประทับใจอย่างไม่สามารถลบล้างได้ เธอพึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมเขาถึงเก่งกาจเช่นนี้ เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”
ซังซังยังงงงวย “เป็นไปได้ไหมว่าการฝึกศิลปะการต่อสู้ของเฉินโม่เกี่ยวข้องกับสายฟ้า? ไม่เช่นนั้นเขาจะเรียกสายฟ้าออกมาได้ยังไง?”
เฉินโม่ไม่ได้สนใจฉู่เหวินสงและเจี่ยจิ้งอาน แต่มองไปที่สวีตงฮ่านซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและพูดอย่างเย็นชา “เห็นแก่ว่าเป็นครั้งแรก ฉันจะปล่อยนายไป แต่รอดชีวิตไปแล้วต้องถูกลงโทษอยู่ดี พรุ่งนี้นายโอนเงินเข้าบัญชีนี้50ล้าน ต่อไปห้ามเข้ามาเหยียบอู่โจวอีก ไม่ใช่เช่นนั้น ฉันจะทำทุกวิถีทางเพื่อสังหารนาย!”
“ยินยอมหรือไม่?”
แม้ว่าห้าสิบล้านจะเจ็บปวดอย่างมาก แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเทียบกับชีวิตของตน!
สวีตงฮ่านพยักหน้าด้วยใบหน้าเศร้า “ยอมครับ! พรุ่งนี้ผมโอนเงิน50 ล้านเข้าบัญชีท่านอย่างแน่นอน!”
เฉินโม่โยนบัตรธนาคารของตนให้สวีตงฮ่าน และขอให้เขาจำหมายเลขบัญชีให้ได้
จากนั้นสวีตงฮ่านถามอย่างระมัดระวังว่า ” เฉินไต้ซือ ผมไปได้รึยังครับ?”
เฉินโม่โบกมือ: “ไปเถอะ!”
สวีตงฮ่านพาลูกน้องหนีไปอย่างเร่งรีบ เฉินโม่หันกลับไปมองเอียนชิงเฉิง “เราก็ไปกันเถอะ”
ฉู่เหวินสงและเจี่ยจิ้งอานตามมาทันที และพวกเขาต่างก็ประจบประแจง “เฉินไต้ซือ คุณจะไปไหน? ให้ผมไปส่งเถอะครับ!”
เฉินโม่เหลือบมองพวกเขาและพูดเบา ๆ “ไม่เป็นไร”
จากนั้นก็เดินจากไปอย่างช้าๆ
เฉินซงจื่อจ้องไปที่ทั้งสองคนและพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เมื่อสักครู่ที่เงาผีปรากฏตัวขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครกันหนีเร็วยิ่งกว่าใคร”
ทั้งสองคนอายทันที และพวกเขาไม่มีหน้าที่จะไปประจบเฉินโม่อีก พวกเขายืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางเสียใจ “หากว่าตอนนั้นอดทนไว้ไม่วิ่งหนี อาจทำให้เฉินไต้ซือประทับใจ เห้อ มาเสียใจตอนนี้สายไปแล้ว ได้เสียโอกาสรู้จักกับเฉินไต้ซือไปอย่างน่าเสียดาย!”
เจี่ยจิ้งอานมองไปที่ซากศพที่ตายอยู่บนพื้นและถามว่า “ฉันควรทำอย่างไรกับศพนี้ดี ประเดี๋ยวตำรวจมาจะต้องถามอย่างแน่นอน!”
ฉู่เหวินสงยิ้มและกล่าวว่า “เขาถูกฟ้าผ่าตาย ไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่เหรอ”
หลังจากพูดจบทั้งสองก็ยิ้มให้กัน
เฉินโม่พาเฉินซงจื่อไปข้างหน้า เอียนชิงเฉิงและซังซังรีบตามไป ทั้งสี่ก็ออกจากภูมรวมทรัพย์ไป และมารอแท็กซี่ที่ริมถนน
ทันใดนั้นมีเสียงปรบมือดังมาจากด้านหลัง
เพี๊ยะ เพี๊ยะๆ เป็นระเบียบอย่างมาก
“วิเศษ วิเศษจริงๆ ฉันไม่ได้คาดคิดว่าวันนี้จะได้เห็นพลังสายฟ้า ช่างเปิดเนตรเสียจริง!”
หลินเทียนหยาเดินออกจากความมืดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วพูดกับชายชราที่อยู่ข้างๆ เขาว่า “ฉันว่าแล้วว่าไอ้คนไม่เอาไหนอย่างสวีตงฮ่าน ไม่มีทางสกัดพวกเขาไว้ได้ เป็นไงล่ะลุงอวู๋ ฉันพูดถูกไหม?”