แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 121 ร่างไม่สิ้นสูญหุนหยวน
บทที่ 121 ร่างไม่สิ้นสูญหุนหยวน
เฉินโม่ค่อยๆ เดินเข้ามาทีละก้าว ราวกับเป็นยมบาล แต่ละฝีก้าวเหมือนกำลังเดินเข้ามาเหยียบบนหัวใจของหลินเทียนหยา
หลินเทียนหยาก็ปอดแหกจนตกใจกลัว คุกเข่าลงพื้น โคกหัวพูดขอร้องว่า “พี่ครับ ผมผิดไปแล้ว ผมมีตาแต่ไร้แวว พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ ตระกูลหลินของผมจะตอบแทนพี่อย่างงามเลย!”
เฉินโม่พูดนิ่งๆ “สายไปแล้ว!”
เดินมาตรงหน้าหลินเทียนหยา แล้วก็เหยียบลงไปที่บนหัวเข่าของหลินเทียนหยา!
แคร่ก!
เสียงกระดูกแตกดังขึ้นมา!
หลินเทียนหยาร้องเสียงโอดโอย “เฮือก!”
แคร่ก!
เฉินโม่ไม่ไว้หน้า เหยียบลงไปอีกครั้ง จนทำให้ขาของหลินเทียนหยาหักไปอีกข้างหนึ่ง
หลินเทียนหยาไม่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ เป็นแค่คนธรรมดาๆ รับความเจ็บปวดแบบนี้ไม่ไหวอยู่แล้ว เลยตะโกนร้องด้วยความโกรธแค้นออกมาว่า “ไอ้ลูกนอกคอก ตระกูลหลินของกู ไม่ปล่อยมึงไว้แน่!”
พูดจบ หลินเทียนหยาก็สลบพลิกหัวไปข้างๆ
เฉินโม่ไม่มองเขาแม้แต่หางตา แล้วก็หันตัวไปคุยกับเอียนชิงเฉิงที่กำลังตกใจอย่างไม่ได้สติว่า “ไปกันเถอะ!”
พอกลับมาในหมู่บ้านในเมือง เฉินโม่ก็หาเจ้าของบ้านเช่า แล้วเช่าห้องให้กับเฉินซงจื่อและเอียนชิงเฉิงคนละห้องใกล้ๆ กับตนเอง
ซังซังไม่อยากให้เอียนชิงเฉิงอยู่คนเดียว หลังจากที่เฉินโม่รับรองความปลอดภัยของเธอแล้ว ถึงยอมให้เอียนชิงเฉิงพักอยู่ห้องข้างๆ เฉินโม่
พอกินข้าวกลางวันแล้ว เฉินโม่ก็ปิดประตูห้อง แล้วหยิบสิ่งที่ได้จากการที่การพนันหินครั้งนี้ออกมา
ซังซังไม่อยากให้เอียนชิงเฉิงอยู่คนเดียว หลังจากที่เฉินโม่รับรองความปลอดภัยของเธอแล้ว ถึงยอมให้เอียนชิงเฉิงพักอยู่ห้องข้างๆ เฉินโม่
มีหยกเลือดหนึ่งชิ้น หยกทิพย์ธาตุไม้หนึ่งชิ้น แก้วหินทองหนึ่งชิ้น หินอัคนีหนึ่งชิ้น แล้วก็มีหินหยกธรรมดาอีกหนึ่งเม็ด
พอมองหินหยก5เม็ดบนโต๊ะ เฉินโม่ก็ค่อนข้างเสียดาย “ทอง ไม้ น้ำ ไฟ ดิน ทั้ง5ธาตุ หามาได้แล้ว4ธาตุ ขาดแค่หินหยกธาตุน้ำ ไม่อย่างนั้นก็จะสามารถตั้งค่ายกลรวมพลังทิพย์ห้าธาตุได้แล้ว มีประสิทธิภาพดีกว่าค่ายกลรวมพลังทิพย์ธรรมดาหลายสิบเท่า!”
“แต่จะว่าไปหาหินหยกได้มาเยอะขนาดนี้ ก็เหนือความคาดหมายแล้ว ไม่อาจจะโลภมากได้ พรุ่งนี้ ฉันน่าจะก้าวเข้าสู่ขั้นชั้นสองแดนรวมพลังได้!”
เฉินโม่เก็บหินหยกทั้ง4เม็ด แล้วแบ่งหินหยกธรรมดาเป็นสามส่วน แล้วเอาไปรวมกับหินหยกที่เม็ดครั้งก่อนเม็ดนั้น เพื่อตั้งค่ายกลรวมพลังทิพย์ใหม่อีกครั้ง
เฉินโม่นั่งขัดสมาธิอยู่ใจกลางค่ายกลรวมพลังทิพย์ เริ่มฝึกวิชา เขาสัมผัสได้ว่าที่ด้านข้างมีพลังอ่อนๆ ใหญ่ข้างเล็กข้าง กำลังดูดซับชี่ทิพย์จากฟ้าดินโดยรอบ หนึ่งในนั้นมีพลังสายหนึ่งดูดซับชี่จากฟ้าดินได้เร็วกว่าพลังอีกสายหลายเท่า
เฉินโม่พยักหน้า รู้ว่าพลังดูดซับอันรุนแรงนั้นเป็นของเฉินซงจื่อ ถึงแม้จะเป็นวิชาที่ปรับเปลี่ยนมาแล้ว แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าการฝึกวิชาของโลกฝึกบู๊บนโลกไอกา
3คนกำลังฝึกวิชา เอียนชิงเฉิงนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียงอย่างเกียจคร้าน ในใจก็ยังคิดแต่เรื่องเพชรเลือดเม็ดนั้นของเฉินโม่ “ไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไรหลอกเอาเพชรเลือดเม็ดนั้นมาได้นะ? ถ้าเอามาทำเป็นแหวนเพชรได้ คงจะต้องสวยมากแน่ๆ เอียนชิงเฉิงตาเป็นประกาย”
พอเฉินโม่เริ่มฝึก ซังซังและเฉินซงจื่อก็สัมผัสได้ถึงแรงดูดซับพลังอันน่ากลัวสายหนึ่ง ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงกลางก็ลืมตาขึ้นมาทันที แล้วมองไปยังฝั่งห้องของเฉินโม่ด้วยความตกใจ
เฉินซงจื่อเผยสีหน้าแววตาที่ตื่นตกใจออกมา แต่จากนั้นใบหน้าก็ตื่นเต้น “การฝึกวิชาของอาจารย์น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือนี่ ดูเหมือนว่าที่ฉันเลือกจะติดตามเขาไป จะเป็นการตัดสินใจชายฉลาดมาก!”
แต่ซังซังกลับไม่มีอะไรจะพูด จากการดูดซับพลังอันน่ากลัวของเฉินโม่นี้ มันแทบจะดูดซับชี่ฟ้าดินในหนึ่งกิโลเมตรโดยรอบนี้ไปจนหมดเกลี้ยง โชคดีที่เธอต้องการใช้ไม่มาก ไม่อย่างนั้นถ้ามีเฉินโม่อยู่ด้วย เขาก็คงจะดูดชี่ฟ้าดินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่าซังซังค่อนข้างสงสัย ว่าเฉินโม่ฝึกวิชาแบบไหนกันแน่ ถึงได้รุนแรงแบบนี้!ไม่เคยได้ยินในโลกฝึกบู๊มาก่อนเลย
ตกดึก ทุกคนก็ยังคงมุ่งมั่นฝึกวิชา มีแค่ซังซังที่หยุดฝึก แล้วมาทำมื้อค่ำให้กับเอียนชิงเฉิง พอกินข้าวเสร็จ ซังซังก็เริ่มฝึกอีกครั้ง เหลือเอียนชิงเฉิงให้เหม่ออยู่คนเดียว