แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1234
“เก่งกาจขนาดนี้ งั้นสามารถทำลายวิชาอาคมของเฉินโม่ได้ไหม?” จางเจิ้นถามอย่างกังวล
จีอู๋หยาส่ายหน้า “ไม่รู้สิ ในตำนานหอกมรณะไม่มีอะไรสามารถขัดขวางการล้างทำลายได้ แทบจะไม่มีสิ่งได้ที่สามารถต้านทานมันได้!”
จู่ๆ จางเจิ้นก้าวเท้าไปข้างหน้า จีอู๋หยารีบตะโกนขึ้น “นายทำอะไร? หากจะไปก็ไม่ใช่นาย!”
จางเจิ้นมองไปทางจีอู๋หยาด้วยใบหน้าจริงจัง ฉีกยิ้มพูด “หัวหน้า ก่อนที่จะเข้ามาฉันได้พนันกับเฉินโม่ไว้ จะเทียบผลงานในสมรภูมิห้าประเทศ ฉันแพ้แล้ว แพ้อย่างย่อยยับ แต่ฉันไม่ยอม ให้ฉันไปเถอะ อย่างน้อยให้ฉันเหลือศักดิ์ศรีสุดท้ายไว้!”
จีอู๋หยามองจางเจิ้น ในดวงตาเผยความเศร้าโศก เขาหันหน้าหนี พยักหน้าอย่างแรง
จางเจิ้นหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะห้าวหาญ “ขอบคุณหัวหน้า!”
พูดจบ จางเจิ้นสาวเท้าเดินออกไป เดินไปข้างหน้าพวกเขา แผ่นหลังนั้นแฝงไปด้วยความเศร้าสลด ก็เหมือนนักรบที่พุ่งทะยานสู่ความตายอย่างฮึกเหิม
กลางอากาศ หอกมรณะในมือของอแมนดัสดูดซับพลังเพียงพอแล้ว จากนั้นขว้างออกไปใส่เฉินโม่อย่างแรง
ในตอนนี้เอง!
จางเจิ้นหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะห้าวหาญ พุ่งตรงไปทางหอกมรณะ
จางเจิ้นมองเฉินโม่แล้วฉีกยิ้ม
เฉินโม่มองดูเขา ถึงแม้เขาไม่พูด แต่เฉินโม่กลับเข้าใจความหมายที่เขาต้องการแสดงออก
เขากำลังพูดว่า “เฉินโม่ ฉันไม่ได้แพ้ให้กับนาย!”
จีอู๋หยาเบือนหน้าหนี ทนดูไม่ได้
“เฮ้ย!”เหลยจ้านถอนหายใจ ยืนตรงทำความเคารพ
เฉินโม่สีหน้าเรียบเฉย ปราศจากความโศกเศร้าความดีใจ แสงสีทองพุ่งออกมาจากกระหม่อม สกัดอยู่ตรงหน้าจางเจิ้น ขวางหอกมรณะเอาไว้
ตู้ม!
ทั้งๆ ที่เป็นการปะทะกันของอาวุธสองชิ้น กลับเกิดเสียงดังกึกก้อง
หอกมรณะถูกกระเทือนจนกระเด็นออกไป อแมนดัสก็ถูกกระเทือนจนกระอักเลือดถอยออกไป
ส่วนเฉินโม่สีหน้ายังคงเรียบเฉย กระบี่สับสวรรค์ลอยวนอยู่เหนือศีรษะ เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“สกัดกั้นไว้ได้? นั่นคืออะไร? กระบี่ฟ้า?” เหลยจ้านอ้าปากหวอ ปิดปากไม่ลงอยู่เป็นเวลานาน
จีอู๋หยามองดูเฉินโม่ ในดวงตาเผยความตกใจอย่างมาก เขาเหมือนกับเขาใจแล้วว่าเหตุใดผู้บังคับบัญชาถึงได้แนะนำเฉินโม่ด้วยตนเอง
ผ่านไปครู่หนึ่ง จางเจิ้นเหมือนกับเพิ่งตื่นจากความฝัน มองดูเฉินโม่ที่ยืนเงียบอยู่ที่เดิม เขารู้ดีว่าตัวเองแพ้แล้ว แพ้อย่างไม่มีชิ้นดี
เพียงแต่ จางเจิ้นคิดว่าตัวเองแพ้อย่างคุ้มค่า เขาแพ้แล้ว แต่หัวเซี่ยชนะแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินโม่ ฉันแพ้แล้ว แพ้อย่างเลื่อมใสหมดใจ!” จางเจิ้นหัวเราะเสียงดัง ในเสียงหัวเราะมีความภาคภูมิใจ มีความปลื้มใจ
เฉินโม่มองดูเขาแล้วยิ้มมุมปาก ตั้งแต่วินาทีที่จางเจิ้นตัดสินใจขวางหอกมรณะแทนเขา เขาก็คู่ควรกับการมองในแง่ดีของเฉินโม่
เฉินโม่เหมือนเทพเหมือนปีศาจ ยืนอยู่กลางอากาศจ้องมองคนทั้งสี่ประเทศอย่างเย็นชา
“ยังอยากจะลองอีกไหม?” เฉินโม่เสียงแข็ง เหมือนกับเสียงดังมาจากนอกสวรรค์ชั้นเก้า
อาเธอร์ พอล อแมนดัส ยังมีอาร์คบิชอปชุดแดงคนนั้น และคอบร้า ทั้งหมดมองไปทางเฉินโม่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ในสายตาของพวกเขาแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
“คนคนเดียวต่อต้านการรุมโจมตีจากผู้แข็งแกร่งที่สุดของสี่ประเทศ พละกำลังของคนผู้นี้บรรลุถึงขั้นไหนกันแน่นะ?”
จู่ๆ คอบร้ามองไปทางอาร์คบิชอปชุดแดง ในดวงตาเผยความสงสัย “พละกำลังเช่นนี้? หรือว่า…เขาถึง…”
อาร์คบิชอปชุดแดงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เขาได้บรรลุถึงขั้นนั้นแล้ว!”
อาเธอร์มองเฉินโม่ พึมพำกับตัวเอง “แดนพระเจ้า!”
ระดับขั้นที่อยู่ในโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ย ถูกเรียกว่าแดนเทพ ในสายตาของผู้บรรลุในตะวันตก นั่นก็คือพระเจ้า!
เฉินโม่ในตอนนี้ไม่ใช่พระเจ้า แต่ดีกว่าพระเจ้า!
สายตาของเฉินโม่กวาดมองทุกคนอีกครั้ง สุดท้ายสายตาจับจ้องไปที่คอบร้าแล้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันรู้ว่าบนตัวนายยังซ่อนเร้นพลังรุนแรงไว้อยู่ ตอนนี้นายอยากจะเอามันออกมาไหม?”
สีหน้าของอแมนดัสและคนอื่นๆ หน้าเสียในทันที พอลด่าขึ้นมาเสียงดัง “คอบร้า นายมันคนระยำ!”