แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 124
บทที่ 124
ลูกศฺษย์คนสำคัญที่เหลือไม่กี่คน ก็เงียบกริบไม่ส่งเสียง เห็นได้ชัดว่า ไม่มีใครยอมรับหน้าที่ลำบากๆ แบบนี้
กู่เชียนซาก็ส่งเสียงออกมา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างมาก
พรรคภูติผีมีคนไม่มาก เพราะถ้าจะอยากจะฝึกวิชาของพรรคภูติผี จะต้องมีร่างสุดหยิน ดังนั้นถึงแม้กู่เชียนซาอยากจะขยับขยายพรรคภูติผี หลายสิบปีมานี้ก็รับลูกศิษย์แค่8คนเท่านั้นเอง
หวางหย่งซานก็คือเจ้าแปด มีพละกำลังน้อยที่สุด จัดการงานภายนอกตลอดเวลา หาเงินให้กับพรรคภูติผี แล้วก็หาทรัพยากรเอามาฝึกฝน การไปแย่งชิงเพชรเลือดของเฉินโม่ ก็เป็นเพราะหวางหย่งซานอยากจะเอาใจอาจารย์ของตนเอง
พอเห็นว่าไม่มีใครยินยอมออกมารับตำแหน่ง กู่เชียนซาก็เลยต้องเรียกชื่อ “เจ้าสาม ออกไปสืบหาสาเหตุการตายของเจ้าแปด แล้วแก้แค้นให้เขา จากนั้นก็รับหน้าที่แทนเจ้าแปด!ถ้าเอ็งสามารถหาผู้สืบทอดที่สามารถรับหน้าที่เจ้าแปดได้ ถึงจะสามารถกลับมาฝึกวิชาได้!”
ชายแก่ที่ร่างท้วม นั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นด้านล่าง ได้ยินดังนั้นก็สีหน้าไม่ดี “อาจารย์ นับลำดับแล้วก็ไม่น่าจะมาถึงผมนะครับ!เบื้องบนยังมีศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รอง นับลงไปก็ยังมีศิษย์น้องหกกับศิษย์น้องเจ็ด ทำไมอาจารย์ถึงเรียกชื่อผมล่ะ?”
กู่เชียนซาสีหน้าเย็นชา แล้วส่งเสียงไม่พอใจ “เอ็งอยากจะขัดคำสั่งอาจารย์หรือไง?”
เจ้าสามก็ร้อนรน เลยก้มหน้าพูดอย่างเคารพว่า “ศิษย์ไม่กล้า เดี๋ยวผมไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย ไปแก้แค้นให้กับศิษย์น้องแปด!”
ชิวอู๋มิ่งก็ออกจากเขาลมเย็นไป พลังอาฆาตเต็มเปี่ยม “ให้ตายเถอะ ทำให้กูถูกอาจารย์ไล่ออกมา กูจะถลกหนังไอ้คนที่มันฆ่าเจ้าแปดเสียให้ได้ แล้วสะกดวิญญาณมัน เพื่อล้างแค้นในใจกู!”
……
ณ บ้านในเมืองที่เฉินโม่พักอยู่ เอียนชิงเฉิงก็ยังคิดจะที่แตะต้องเพชรเลือดก้อนนั้นของเฉินโม่ เฉินโม่ก็ถูกตามตื๊อจนรำคาญ เลยปิดประตูไม่รับแขก แม้แต่ข้าวก็ไม่ออกไปกิน
พละกำลังของเฉินโม่มั่นคงแล้ว เลยเริ่มฝึกร่างธาตุทอง
ในพื้นที่แห่งนี้ มีพลังหลายแบบแฝงอยู่ เรียกรวมๆ ว่าพลังชะตาในฟ้าดิน หนึ่งในนั้น พลังที่มีเยอะที่สุดก็คือ องค์ประกอบต่างๆ ของลม ฟ้าร้อง แสง มืดและห้าธาตุ ฝึกร่างธาตุทองก็คือการดูดซับเอาพลังชะตาธาตุทอง ไม่ต้องขับเคลื่อนเข้าสู่ตันเถียน หรือเส้นชีพจร ฝึกแค่ร่างกายภายนอกเท่านั้น
ฝึกตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืน เฉินโม่ถึงจะหยุดลง พอสัมผัสได้ว่าตนเองไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย คิ้วก็ขมวดขึ้นมา “แบบนี้ไม่ได้ แค่นี้ยังฝึกไม่ได้สักส่วนเดียวเลย ด้วยความเร็วแบบนี้ ถ้าอยากจะฝึกร่างธาตุทองสำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร? เน้นเรื่องการเพิ่มพละกำลังเป็นหลักก่อนดีกว่า รอหาวัสดุธาตุทองได้ แล้วค่อยมาฝึกร่างธาตุทอง!”
เฉินโม่อยากจะเอาแก้วหินทองก้อนนั้นออกมาสลายแล้วดูดซับเสียเลย แต่แก้วหินทองก้อนนั้นก็มีประสิทธิภาพไม่มากนัก คิดไปคิดมาก็ตัดใจไม่ได้ เหลือเอาไว้ใช้ตั้งค่ายกลรวมพลังทิพย์ห้าธาตุแล้วกัน!
เวลาหนึ่งวันเต็มๆ เฉินโม่ไม่ได้ไปที่ไหนเลย ฝึกวิชาอยู่ในห้องอย่างเดียว ข้าวก็ไม่กิน ถึงแม้จะยังไม่ถึงระยะปี้กู่ แต่ไม่กินข้าวเป็นเวลา2-3วันแบบนี้ สำหรับเฉินโม่แล้วถือว่าไม่ได้เป็นอะไร
เช้าวันนี้ เฉินโม่จบการฝึกลง ฉู่เหวินสงก็โทรเข้ามา
“คุณเฉินครับ ครั้งนี้คุณต้องมาช่วยผมนะครับ” รอคำตอบเดียว ฉู่เหวินสงร้องไห้มาขอความช่วยเหลือ
เฉินโม่ก็คิ้วขมวดเล็กน้อย แล้วถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฉู่เหวินสงก็พูดน้ำเสียงช้าลงมาหน่อย “คุณจัดการหลินเทียนหยาไปใช่ไหมครับ? ตอนนี้ตระกูลหลินส่งคนมาโจมตีในพื้นที่ของผม ภายในวันเดียว ก็ควบคุมกองกำลังของผมไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว แถมยังประกาศอีกว่าถ้าผมไม่ยอมจำนนให้กับตระกูลหลิน คืนนี้ก็จะส่งคนมาเอาชีวิตผม!”
เฉินโม่ถามอย่างสงสัยว่า “เรื่องแย่งชิงพื้นที่กัน คุณจะมาหาผมทำไม? ถ้าตระกูลหลินอยากจะมาหาเรื่อง ให้พวกนั้นมาหาผมเลยก็ได้!”
ฉู่เหวินสงร้องได้ฟ้องออกมาว่า “คุณเฉินครับ เฉินไต้ซือ คุณไม่รู้อะไร ถ้ามันเป็นแค่การแย่งชิงพื้นที่กันธรรมดาล่ะก็ ผมไม่กลัวตระกูลหลินหรอกครับ แต่ครั้งนี้ตระกูลหลินมียอดฝีมือแดนในคนหนึ่งคอยช่วยเหลือ ไอ้มีดลูกน้องที่เก่งที่สุดของผม สู้อะไรไม่ได้เลย จะให้สู้พวกมันได้อย่างไรล่ะครับ?”
“คนตระกูลหลินบอกว่า คืนนี้จะมาเอาชีวิตผม ผมได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อตามหายอดฝีมือแดนใน ตอนนี้หาเจอแค่คนเดียว ผมไม่ค่อยวางใจ ก็เลยอยากจะเชิญคุณมาช่วยเป็นที่พึ่งให้ด้วยครับ!”