แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1242
ตอนนี้ เฉินโม่เหมือนกับเศรษฐีใหม่ที่เพิ่งได้รับเงินชดเชยจากการรื้อถอนบ้าน รู้สึกสะใจเป็นที่สุด
“มีหินทิพย์เหล่านี้ ฉันสามารถเลื่อนระดับไปถึงแดนยาทองได้เร็วยิ่งกว่าเดิม ศิษย์น้องหญิง รอฉันนะ!”
เฉินโม่แอบสะใจอยู่คนเดียว แต่จีอู๋หยาและคนอื่นกลัดกลุ้มใจเป็นที่สุด
เหลยจ้านพูดสาปแช่ง “เย็ดแม่ม เป็ดที่ต้มสุกบินหนีไปอีกแล้ว น่าโมโหจริงๆ!”
“ช่างเถอะ ยังมีคนประเทศรัสเหล่านั้นเป็นรองก้นให้พวกเราอยู่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พวกเรารีบไปหาเฉินโม่ ดูว่าเขายังมีวิธีหาแกนอสูรได้มากกว่าเดิมอีกไหม” จีอู๋หยาพูด
จางเจิ้นพูด “ตอนนี้ยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงจะจบเกม ต่อให้หาเฉินโม่เจอ เกรงว่าก็คงจะไร้ประโยชน์”
“ใช่ เฉินโม่เจ้าหมอนี่ไปไหนนะ?”
จีอู๋หยาพูดอย่างจนปัญญา “เขาอยู่นอกระยะหินกำหนดทิศทาง ฉันสัมผัสไม่ได้”
“ช่างเถอะ พวกเราก็พยายามแล้ว รับชะตากรรมเถอะ!” เหลยจ้านคอตกพูดอย่างเศร้าซึม
จ้างเจิ้นด่าทอ “เหลยจ้าน นายอย่าไม่ได้เรื่องแบบนี้ได้ไหม ไม่ถึงตอนสุดท้าย พวกเราใครก็ห้ามพูดยอมแพ้ง่ายๆ!
จีอู๋หยาพยักหน้า พูดเสียงเข้ม “จางเจิ้นพูดถูก ไม่ถึงตอนสุดท้าย พวกเราอย่าพูดยอมแพ้ง่ายๆ! ล่าสัตว์อสูรต่อ!”
“ครับ!”
ทุกคนกำลังนับเวลานี้ รอจนถึงสิบนาทีก่อนจบเกม คอบร้าหยุดล่าสัตว์อสูร
มองดูท้องฟ้าที่อันมืดมิด คอบร้ามีความสงสัยเล็กน้อย “เฉินโม่เจ้าหมอนั่นสละสิทธิ์ที่หนึ่งจริงๆ เหรอ?”
อาร์คบิชอปชุดแดงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น “ตอนนี้หัวเซี่ยอยู่อันดับสี่ ประเทศรัสอันดับห้า บางทีเฉินโม่ไม่มีแกนอสูรที่เกินเหลือแล้วจริงๆ ก็ได้!”
คอบร้ายิ้มเยาะ “คนหัวเซี่ยล้วนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว คนกระจอกที่สามารถหักหลังชาติได้ ลูกน้องของฉันมีคนแบบนี้อยู่มาก คิดไม่ถึงว่าที่สมรภูมิห้าประเทศ จะได้พบเจอคนหนึ่ง!”
คอบร้าดูถูกคนหัวเซี่ยมากขึ้นกว่าเดิม
อแมนดัสมองดูอันดับในเครื่องนับจำนวน แอบด่าทอ “ถ้ารู้เช่นนี้พกหินพลังงานมาเยอะหน่อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้คงไม่ถึงตาที่คอบร้าลำพองใจ”
“หึ เจ้าหนุ่มหัวเซี่ยเจ้าเล่ห์ รอให้ออกไป ฉันจะรายงานเรื่องที่นายทำธุรกิจกับพวกเราต่อทางการหัวเซี่ย ฉันจะทำให้นายไร้จุดยืนที่หัวเซี่ย!
อาเธอร์ก็มองดูอันดับบนเครื่องนับจำนวนอยู่เช่นกัน เขาถอนหายใจ “ช่างเถอะ ที่สามก็ที่สามเถอะ!”
เฉินโม่ลุกขึ้นยืน หันหน้าไปทางท้องฟ้าแล้วบิดขี้เกียจ พูดกับตัวเอง “เวลาพอประมาณแล้ว ให้พวกเขาตายใจเถอะ!”
พูดจบ เฉินโม่ป้อนตัวเลขหนึ่งตัวใส่เครื่องนับจำนวน
จ้องมองเครื่องนับจำนวนอยู่เช่นนั้น เซี่ยไห่หลงที่ตั้งตารอคอยปาฏิหาริย์ จู่ๆ ตะโกนเสียงดังอย่างแปลกใจ “หัวหน้า เร็ว รีบดูอันดับ!”
จีอู๋หยาและคนอื่นๆ รีบมองดูเครื่องนับจำนวน จากนั้นใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ดี ดี เฉินโม่สร้างปาฏิหาริย์ให้กับพวกเราอีกครั้ง!”
เหลยจ้านหัวเราะฮาฮา “เจ้าหมอนี่ ฉันเดาว่าเขาจะต้องตั้งใจแน่ๆ ที่แท้เขาแอบซ่อนแกนอสูรมาโดยตลอด!
ลี่เซียวก็เผยรอยยิ้มออกมา “อันดับนี้ทิ้งห่างจากอันดับไกลมากเลย เฉินโม่เอาแกนอสูรมาจากไหนเยอะแยะ?”
ในดวงตาของเฟิงเหมียนเผยความสงสัยแล้วยิ้มกริ่มพูด “ฉันเดาว่าประเทศเหล่านั้นที่แกนอสูรเพิ่มขึ้นกะทันหัน บางทีก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเฉินโม่”
จีอู๋หยาและคนอื่นสงบสติอารมณ์ มองดูเฟิงเหมียนที่ดวงตาเป็นประกาย และก็เผยรอยยิ้มครุ่นคิด “เธอพูดว่ามีคนถูกเอาเปรียบเหรอ?”
“ฮ่าฮ่า…” พวกเขามองตากันหัวเราะเสียงดัง
ในตอนที่การแข่งขันสมรภูมิห้าประเทศกำลังจะจบลง หัวเซี่ย ยานจิง ในรัฐสภา
ผู้บังคับบัญชาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความโมโหที่ไม่ค่อยได้เห็น
“หนานกงหยู่บ้าไปแล้วเหรอ? ถึงได้กล้าฝ่ากฎของโลกฝึกบู๊กับโลกมนุษย์อย่างโจ่งแจ้ง! แถมยังลั่นวาจาพูดว่าจะทำให้ตระกูลเฉินนองเลือด…”
เลขาเสี่ยวหลินเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “ผู้บังคับบัญชาใจอย่าได้โมโห เฉินโม่ฆ่าลูกหลานของหนานกงหยู่ ทำลายมรดกตระกูลหนานกง หนานกงหยู่ไม่สนใจใดๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้”
“ตอนนี้ที่พวกเราต้องทำคือหาวิธีเกลี้ยกล่อมหนานกงหยู่ไว้ทำก่อน หรือข่มขู่ก็ได้ ให้เขาอย่าแตะต้องคนตระกูลเฉินก่อนชั่วคราว! ทุกอย่างรอเฉินโม่ออกมาจากสมรภูมิห้าประเทศแล้วค่อยว่ากัน!