แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1258
ถึงแม้เฉินโม่และหนานกงหยู่จะช้าลง แต่พลังของการโจมตีแต่ละครั้งกลับแข็งแกร่งขึ้น
ปัง!
พวกเขาสองคนปล่อยหมัดปะทะกันกลางอากาศอีกครั้ง แล้วผละออกจากกัน
ทั้งสองคนไม่เลือกที่จะโจมตีต่อ แต่หยุดและมองหน้าอีกฝ่าย
หนานกงหยู่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เฉินไต้ซือ ฉันอยากรู้ว่าแกมาจากไหนกันแน่? เคล็ดวิชาของแกไม่ได้อยู่ในสายใดของโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ย! ยิ่งไปกว่านั้น แกยังอายุน้อยมาก ก็มีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ สำหรับในโลกฝึกบู๊นี้ มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”
“หรือว่าแกไม่ใช่นักบู๊?” เมื่อหนานกงหยู่กล่าวถึงตอนสุดท้าย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
เฉินโม่กล่าวเบา ๆ “ฉันจะมาจากไหนมันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือถ้าแกมีพลังแค่นี้ วันนี้แกจะต้องตาย!”
หนานกงหยู่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ๆ ๆ แกจองหองจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าฆ่าแม้แต่สมาชิกของตระกูลหนานกง!”
“ถ้าแกคิดว่าพลังของแดนเทพมีเพียงแค่นี้ แกคิดผิดอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าฉันยังบรรลุไม่ถึงแดนเทพทั้งหมด แต่ก็ยังเป็นแดนเทพ! มันไม่ใช่สิ่งที่มดอย่างแก จะสามารถเข้าใจได้!”
เฉินโม่หัวเราะเยาะ “ฉันกลายเป็นมดแทนแล้วเหรอ?”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ให้ฉันได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของแก! แต่มันสายไปแล้ว แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่ให้โอกาสแก!”
หนานกงหยู่ตะโกนทันที “กำเริบเสิบสาน!”
“ยอมรับความตายเถอะ!”
หนานกงหยู่กระโดดขึ้น ชี้เหมือนกระบี่ และชี้เฉียงขึ้นไปที่ท้องฟ้า
“ฉันจะแสดงให้แกเห็นการเปลี่ยนแปลงจาก‘ปริมาณ’ เป็น ‘คุณภาพ’!”
ทันใดนั้น พลังชาตะในฟ้าดินที่อยู่รอบ ๆ หนานกงหยู่เกิดความปั่นป่วน เฉินโม่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังชาตะในฟ้าดิน ที่รวมตัวกันอยู่บนร่างกายของหนานกงหยู่
แสงสีทองเจิดจ้าปรากฏอยู่บนมือของหนานกงหยู่ และเปล่งประกายเจิดจ้าภายใต้แสงอาทิตย์
เหล่านักบู๊ที่อยู่รอบ ๆ รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังชาตะในฟ้าดิน และมองแสงสีทองเจิดจ้าที่อยู่ในมือของหนานกงหยู่ ด้วยความรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เฒ่าประหลาดเหล่านั้นแสดงสีหน้าสงสัย ทันใดนั้น หนึ่งในนั้นก็กล่าวด้วยความตกใจ “นี่คือวิชาแสงอาทิตย์ร้อนแผดเผา เป็นท่าไม้ตายที่ชื่อเสียงโด่งดังมานานหลายสิบปีของหนานกงหยู่!”
“วิชาแสงอาทิตย์ร้อนแผดเผา ตอนนั้นหนานกงหยู่อาศัยท่าไม้ตายนี้ และในหมู่นักบู๊ระดับเดียวกันแทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ ตอนนี้พลังบำเพ็ญเขาทะลวงอีกครั้ง ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าถ้าทะลวงไปถึงแดนเทพแล้วใช้วิชาแสงอาทิตย์ร้อนแผดเผา จะเป็นพลังแบบไหน?”
เฉินโม่มองหนานกงหยู่ที่เจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ อยู่กลางอากาศ และอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ผมรู้สึกถึงพลังทิพย์ ที่มีเพียงผู้บำเพ็ญเท่านั้นที่สามารถมีได้!”
“นึกไม่ถึงว่าเขาจะฝึกจนมีพลังทิพย์!”
“อาศัยเคล็ดวิชาบู๊ฝึกจนมีพลังทิพย์ มิเสียแรงที่บุคคลนี้เป็นปรมาจารย์คนแรกเมื่อสามสิบปีที่แล้ว!”
ขณะนี้ เฉินโม่กลับรู้สึกชื่นชมหนานกงหยู่
เฉินโม่เข้าใจการฝึกเคล็ดวิชาเหล่านั้นของโลกฝึกบู๊เป็นอย่างดี และรู้ว่าถ้าคิดจะอาศัยการฝึกเคล็ดวิชาเหล่านั้น จนมีพลังทิพย์ ที่มีแต่ผู้บำเพ็ญเท่านั้นที่สามารถมีได้นั้นยากเพียงใด
แต่หนานกงหยู่ประสบความสำเร็จแล้ว
“นี่คือสิ่งที่เขาพูดว่าการเปลี่ยนแปลงจากปริมาณเป็นคุณภาพ เขาทำได้จริง ๆ!”
ใบหน้าของหลี่ซู่เฟินขาวซีด เธอจับแขนเฉินจิงเย่ไว้แน่น “คุณคิดว่าเสี่ยวโม่จะสามารถเอาชนะเขาได้ไหม?”
ถึงแม้ว่าหลี่ซู่เฟินจะเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่อย่างไรเสียเธอก็เป็นแม่คนหนึ่ง ตอนนี้เธอกังวลจนสับสนวุ่นวาย
เฉินจิงเย่ตบมือเธอเบา ๆ และกล่าวปลอบโยน “วางใจเถอะ เสี่ยวโม่จะต้องสามารถเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน!”
เฉินควางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น มองหนานกงหยู่ที่อยู่บนท้องฟ้าราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผา กล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย “เฉินโม่ แกต้องตายแน่นอน แกต้องตายแน่นอน!”
หนานกงหยู่ลอยอยู่กลางอากาศ เหมือนเทพและเหมือนปีศาจ เงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มด ฉันจะให้แกได้เห็นพลังที่แท้จริงของฉัน!”
“วิชาแสงอาทิตย์ร้อนแผดเผา!”
เสียงคำรามดังสนั่น หนานกงหยู่ชี้ไปที่เฉินโม่ แล้วดวงอาทิตย์เจิดจ้าบนท้องฟ้าก็พุ่งไปที่เฉินโม่
“โอ๊ย!”
เฉินเข่อเอ๋อร์ทนไม่ได้ที่จะมองตรง ๆ เธอตกใจจนหลับตา กำหมัดแน่นและแอบอธิษฐานให้เฉินโม่ “พี่เฉินโม่ พี่ต้องชนะ!”
พลังที่ทรงพลังทำให้เกิดลมกระโชกแรง พัดจนชายเสื้อของเฉินโม่โบกสะบัด และผมของเขาก็โบกสะบัดเช่นกัน แต่เฉินโม่ไม่ขยับแม้แต่น้อย ยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบ ๆ ราวกับมนุษย์ยักษ์ที่เผชิญกับพายุฝนตามลำพัง