แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1279
เฉินโม่กวาดมองพวกเขาและกล่าวว่า “ฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหัวหนาน พวกคุณยังอยากถามอะไรอีกไหม?”
มหาวิทยาลัยหัวหนาน?
ทุกคนชะงักครู่หนึ่ง จากนั้นวิพากษ์วิจารณ์ด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ราวกับกำลังถามว่ามหาวิทยาลัยหัวหนานอยู่ที่ไหน?
ทันใดนั้น เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งก็หัวเราะเยาะว่า “เสียเวลาตั้งนาน ที่แท้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นสอง! ฉันคิดว่าเฉินโม่ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอย่างมหาวิทยาลัยยานจิงหรือมหาวิทยาลัยชิงหัว? ดูเหมือนว่าโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว มันก็เท่านั้น!”
เมื่อได้ยินว่าเฉินโม่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นสอง นักเรียนหลายคนแสดงสีหน้าเหยียดหยาม และมองเฉินโม่ด้วยสายตาเยาะเย้ย
ถานชิวเซิงมองคนเหล่านั้นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม และกล่าวเยาะเย้ยอยู่ในใจ “กลุ่มคนถ่อยที่ชอบประจบผู้มีอิทธิพล ถ้าพวกคุณรู้ความแข็งแกร่งของเฉินโม่แล้ว พวกคุณจะต้องตกใจแทบตาย!”
จางจื่อเจี้ยนแกล้งกล่าวว่า “ความจริงแล้ว มหาวิทยาลัยหัวหนานก็ดีเหมือนกัน ฉันได้ยินว่างานแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ชีวภาพที่ยานจิงคราวก่อน นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหัวหนาน สามารถเอาชนะมหาวิทยาลัยยานจิงและมหาวิทยาลัยชิงหัวได้ และคว้าแชมป์ไปครอง ดังนั้นทุกคนอย่าดูหมิ่นศักยภาพของมหาวิทยาลัยชั้นสองเด็ดขาด!”
“ถูกต้อง จางจื่อเจี้ยนพูดถูก นับตั้งแต่สมัยโบราณ อาจารย์เป็นคนสอนวิชา แต่การฝึกฝนขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ไม่มีมหาวิทยาลัยที่ดีหรือไม่ดีหรอก
สิ่งสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับบุคคล ถ้าเป็นทองคำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนมันก็เปล่งประกาย ส่วนเม็ดทราย ถึงแม้ว่าจะชุบทอง แต่ไม่นานมันก็จะเปิดเผยรูปร่างเดิมออกมา ทุกคนเห็นด้วยไหม?” ผู้ชายที่แสดงความกระตือรือร้นต่อหน้าจางจื่อเจี้ยน พูดประชดประชัน
ทุกคนเข้าใจความหมายที่อยู่ในคำพูดของเขา เป็นการเยาะเย้ยเฉินโม่ว่าถึงแม้เขาจะย้ายไปเรียนที่โรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว สุดท้ายเม็ดทรายยังคงเปิดเผยรูปร่างเดิมออกมาอยู่ดี
ซึ่งจุดนี้เห็นได้จากการที่เฉินโม่สอบเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นสอง อย่างมหาวิทยาลัยหัวหนาน
“สมเหตุสมผล พูดได้เยี่ยมมาก สมแล้วที่เป็นคนเก่งของห้องพวกเรา!” จางจื่อเจี้ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มาเถอะ! คนเก่ง ฉันขอดื่มคารวะให้นายหนึ่งแก้ว!” เพื่อนนักเรียนคนหนึ่งยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วกล่าวกับผู้ชายคนนั้น
ถานชิวเซิงทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เขาตะคอกด้วยความเย็นชา “พอคนอื่นแสดงทัศนคติที่ดี พวกนายก็จะทำเกินไป ถ้าพูดความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฉินโม่ออกมา พวกนายจะต้องตกใจแทบตาย!”
สวีจื่อหาวมองถานชิวเซิง แล้วส่ายศีรษะ
เฉินโม่มองถานชิวเซิงเช่นกัน เพื่อให้เขาอย่าพูดมาก
ทันใดนั้น เพื่อนนักเรียนหญิงที่นั่งอยู่มุมห้องก็ยืนขึ้น ชี้ไปที่เฉินโม่ เธอตื่นเต้นจนนิ้วสั่น
“นาย นาย ฉันรู้จักนาย!” ผู้หญิงที่มีสิวบนใบหน้าตะโกนด้วยความตื่นเต้น
ทุกคนมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าสงสัย
“หลี่หยิง คุณพูดไร้สาระอะไร? พวกเราทุกคนเป็นเพื่อนนักเรียน ถ้าคุณไม่รู้จักเขา มันถึงจะเป็นเรื่องแปลก!”
ผู้หญิงที่ชื่อหลี่หยิงรีบส่ายศีรษะและอธิบายว่า “ไม่! ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ฉันจำได้ว่านักศึกษาที่ทำให้มหาวิทยาลัยหัวหนาน คว้าแชมป์ในงานแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ คือเฉินโม่!”
“เป็นไปได้อย่างไร! หลี่หยิง คุณดื่มเหล้ามากไปหรือเปล่า” ผู้ชายคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
หลี่หยิงส่ายศีรษะและกล่าวอย่างหนักแน่น “ฉันไม่ได้ดื่มเหล้ามากเกินไป ฉันไปร่วมงานแลกเปลี่ยนคราวนั้นด้วย ตอนที่ฉันเห็นเฉินโม่อยู่บนเวที ฉันรู้สึกว่าหน้าตาคุ้นเล็กน้อย แต่เรื่องราวผ่านไปหลายปีแล้ว ฉันนึกไม่ถึงว่าบุคคลนั้นจะเป็นเฉินโม่ จนกระทั่งเมื่อสักครู่จางจื่อเจี้ยนพูดถึงงานแลกเปลี่ยนวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ฉันถึงนึกขึ้นมาได้ ในที่สุดตอนนี้ฉันก็มั่นใจแล้วว่านักศึกษาปีหนึ่งที่ได้รับเสียงปรบมือ ทำให้หยางจื่อหนิงและผู้นำอาวุโสคนอื่นที่เป็นนักวิชาการกล่าวชื่นชมก็คือเฉินโม่!”
เมื่อเห็นท่าทางที่ตื่นเต้นของหลี่หยิงแล้ว ทุกคนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แม้แต่ถานชิวเซิงและสวีจื่อหาวก็มองเฉินโม่ด้วยความสงสัยเช่นกัน “เฉินโม่ มีเรื่องแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”