แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 129 เข้าสู่แดนในชั่วพริบตา
บทที่ 129 เข้าสู่แดนในชั่วพริบตา
เฉินโม่ก็มองหลินหรูเฟิง แล้วก็ยิ้มแบบหยอกล้อออกมา “นักบู๊แดนในงั้นหรือ? ขอเพียงกูต้องการ ก็มีได้เสมอ”
หลินหรูเฟิงเงยหน้าหัวเราะลั่น ในเสียงหัวเราะมีความเยอะเย้ย “เหอะ ไอ้เด็กไม่ประสา พูดจาไม่มีหูรูด มึงคิดว่านักบู๊แดนในเป็นอะไร อยากได้ก็จะมีให้มึงง่ายๆ งั้นสิ? มึงคิดว่าตัวเองอยู่ระดับแดนเทพหรือไง?”
โจงเซิ่งหัวก็หัวเราะเยาะเย้ยเหมือนกัน แอบพูดในใจว่า “กูอายุ40เพิ่งได้เข้าสู่แดนใน ไอ้เด็กคนนั้นมันกลับพูดว่าขอเพียงต้องการ ก็จะมีนักบู๊แดนในออกมาเอง บ้าบอสิ้นดี!”
ฉู่เหวินสงก็มองเฉินโม่นิ่งๆ ค่อนข้างไม่เข้าใจความหมายที่เฉินโม่จะสื่อออกมา หรือว่าคนที่เฉินโม่พามาด้วย มีคนที่เป็นนักบู๊แดนในงั้นหรือ?
ซังซังก็มองเฉินโม่อย่างตกใจ พูดในใจว่า “หรือว่าเฉินโม่จะให้ฉันลงมือ? ไม่ใช่นิสัยของเขาเลยนี่นา!”
เฉินโม่ยิ้มพูดนิ่งๆ “กูไม่ใช่ระดับแดนเทพหรอก แต่ระดับแดนเทพ ในสายตากูมันก็เหมือนกับมดตัวน้อย ให้เวลานิดหน่อย เดี๋ยวกูส่งนักบู๊แดนในไปให้พวกมึง!”
ในน้ำเสียงของเฉินโม่มีความมั่นใจอย่างมาก
แต่ว่า คำพูดนี้ไปอยู่ในหูของคนอื่นๆ มันก็เหมือนกับเป็นคำพูดที่ตลกที่สุดในโลกนี้
“แดนเทพเป็นเหมือนมดงั้นหรือ? คำพูดนี้มึงก็กล้าพูดออกมานะ!” หลินหรูเฟิงส่ายหัว เขารู้สึกว่าเฉินโม่จะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจคำพูดตอนท้านของเฉินโม่แล้ว
โจงเซิ่งหัวไม่เคยได้ยินเลยว่าแดนเทพคืออะไร แต่ว่าเขากลับได้ยินคำพูดตอนท้ายของเฉินโม่ แล้วก็โมโหจนหัวเราะออกมา “ไอ้หนู มึงคิดว่านักบู๊แดนในเป็นเหมือนผักกาดขาวข้างถนนหรือไงวะ? ช่วงเวลาอันสั้นก็จะส่งมาให้พวกกู อยากจะสั่งสอนมึงหนักๆ แทนพ่อแม่มึงจริงๆ เลย!”
เฉินโม่ไม่ได้สนใจการตอบสนองของทุกคน หันตัวไปแล้วก็หยิบขวดหยกอันหนึ่งออกมาจากหน้าอก แล้วเทยาเม็ดใสๆ ออกมาเม็ดหนึ่ง จากนั้นยื่นให้เฉินซงจื่อที่มีสีหน้างงๆ
“กินลงไป”
ซังซังมองยาเสริมจิตเม็ดนั้น สีหน้าก็ตกใจ จากนั้นเธอก็รู้ได้ว่าเฉินโม่คิดจะทำอะไร แล้วซังซังก็มีสีหน้าตะลึง และสายตาก็รอคอย!
เฉินซงจื่อก็อึ้งๆ สีหน้าตื่นเต้น สองมือยื่นมารับยาอย่างตื่นเต้น แล้วกินลงไป
จากนั้น เฉินซงจื่อก็รีบนั่งขัดสมาธิลง ขับเคลื่อนพลัง แล้วเริ่มดูดซับพลังของยาเสริมจิต
เฉินโม่ก็ยืนอยู่ข้างๆ มองดูเฉินซงจื่อ ประสิทธิภาพของยาเสริมจิตนั้น เขารู้ดี สามารถทำให้จินโจงรุ่นมีระดับจากนักบู๊แดนในชั้นสมบูรณ์ข้ามไปถึงแดนในชั้นสูงสุด สามารถทำให้ซังซังก้าวข้ามจากแดนนอกเข้าสู่แดนใน
ส่วนวิชาที่เฉินซงจื่อฝึกนั้น แข็งแกร่งกว่าจินโจงรุ่นกับซังซังเป็นร้อยเท่า การดูดซับพลังของยาเสริมจิต ก็จะต้องเต็มเปี่ยมกว่าสองคนก่อนหน้าแน่นอน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ก็จะบรรลุไปถึงแดนในชั้นสมบูรณ์!
ฉู่เหวินสงไม่เข้าใจว่าเฉินโม่กำลังทำอะไร สีหน้ามึนงง ยังไม่ได้บาดเจ็บอะไรเลย ก็เริ่มกินยากันแล้วหรือ? นี่มันอะไรกัน?
หลินหรูเฟิงมองเฉินโม่ แล้วก็ครุ่นคิด แต่ก็ไม่มั่นใจกับสิ่งที่ตนเองคาดเดา ถ้าหากว่าที่เขาเดานั้นเป็นความจริง มันก็ดูจะเกินจริงไปหน่อย ถึงขั้นที่ทำให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางบู๊ที่เขารู้จักมา20กว่าปีต้องสับสนกันไปหมด
โจงเซิ่งหัวไม่ได้มีความมากเท่ากับคนของตระกูลหลิน สีหน้าที่มองเฉินโม่ก็ยังคงเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาและดูถูก “เหอะ ทำท่าทำทาง หลอกคนอื่นไปทั่ว!”
หลังจากนั้น15นาที เฉินซงจื่อก็ลืมตาขึ้น จบการฝึกแล้ว
ตอนนั้นจินโจงรุ่นดูดซับยาเสริมจิต ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง วิชาที่เฉินซงจื่อฝึก แข็งแกร่งกว่าเขาร้อยเท่า ก็เลยใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
“พระคุณของอาจารย์ ศิษย์ไม่มีอะไรจะตอบแทน!” เฉินซงจื่อคุกเข่าลงที่พื้น แล้วโขกหัวคำนับเฉินโม่
เฉินโม่ก็พูดนิ่งๆ ว่า “ไปเถอะ ใช้เวลาคว่ำมันให้เร็วที่สุด ก็ถือว่าเป็นการขอบคุณอาจารย์แล้ว!”
เฉินซงจื่อพยักหน้าอย่างแรง แล้วก็ค่อยข้าวเข้าไปด้านใน แล้วมองหลินหรูเฟิงด้วยเย็นชา
“เหยียดหยามอาจารย์กู สมควรตาย!”
พูดจบ พลังอันรุนแรงก็ระเบิดออกมาจากตัวของเฉินซงจื่อ คละคลุ้งไปทั่วทั้งพื้นที่
หลินหรูเฟิงก็ทำหน้าเหมือนเห็นผี พูดอย่างตกใจว่า “แดนในชั้นสมบูรณ์!”