แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 135 งั้นผมพูดแล้วนะ
บบที่ 135 งั้นผมพูดแล้วนะ
ทีนี้ ทุกคนก็ลุกฮือขึ้น
เจ้าสัวทุกคนก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้ววิ่งมาตรงหน้าหินหยกปากว้า พร้อมกับมองดูอย่างละเอียด
“เมื่อครู่ผมรู้สึกว่ามีพลังที่อบอุ่นเข้ามาทั่วร่างกาย ตอนนี้รู้สึกสบายตัวมาก หรือว่าจะเป็นสรรพคุณของหินหยกปากว้าอันนี้!”
“ผมมีอาการป่วยที่กระดูกต้นคอหลายปี รักษาไม่หาย มักจะปวดคอบ่อยๆ แต่เมื่อครู่ที่พลังอบอุ่นเข้ามาในตัวผม ก็รู้สึกว่าไม่ปวดคอแล้ว!”
“ดูเหมือนว่าหินหยกปากว้าอันนี้ จะมีพลังที่สามารถช่วยรักษาสุขภาพได้จริงๆ !”
“ของล้ำค่า นี่สิถึงจะเป็นของล้ำค่าของจริงๆ !”
“ของล้ำค่างั้นหรือ? เหอะ คุณไม่ได้ยินที่ชิวไต้ซือพูดเมื่อครู่นี้หรือไง ว่าเป็นเครื่องรางอันหนึ่ง อะไรคือเครื่องรางรู้ไหม? มันเป็นของล้ำค่าที่เกจิอาจารย์ดังสร้างขึ้นมา!หินหยกปากว้าอันนี้ เรียกได้ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ได้เลย”
ในตอนนี้ เจ้าสัวทุกคนก็เหมือนเป็นเด็กน้อย จ้องมองไปหินหยกปากว้าไม่ละสายตา ปากก็ชื่นชมไม่หยุด
ชิวอู๋มิ่งเดินกลับไปนั่งข้างๆ สวีตงฮ่านเหมือนเดิม สองคนมองหน้ากันแล้วก็ยิ้ม สายตาเผยความได้ใจออกมา
ในเหล่าเจ้าสัวทั้งหลาย มีเพียงเจี่ยจิ้งอานที่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างๆ เฉินโม่ แต่ว่า สายตาก็เผยความโลภออกมา
เจี่ยจิ้งอานก็สนใจของล้ำค่าสามสิ่งนี้เหมือนกัน โดยเฉพาะหินหยกปากว้าอันนั้น ขอความเป็นอมตะไม่ได้ แต่ของที่สามารถทำให้อายุยืนยาวมาวางตรงหน้าแล้ว คนที่ยิ่งมีเงินก็ยิ่งอยากได้
แต่ว่า เจี่ยจิ้งอานรู้จักสวีตงฮ่านดีกว่าคนอื่น ตอนนี้ก็เลยเกิดความคิดขึ้นมา ของดีแบบนี้แต่สวีตงฮ่านไม่เอาไว้ใช้เอง แต่ยอมเอาออกมาประมูล มันดูเป็นไปไม่ค่อยได้
“เฉินไต้ซือ คุณคิดว่าของสามสิ่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เจี่ยจิ้งอานถามเสียงเบาๆ
เฉินโม่ยิ้มเบาๆ แล้วก็ไม่ได้ตอบกลับไป
สวีตงฮ่านก็สังเกตการเคลื่อนไหวของเจี่ยจิ้งอาน เหมือนว่าอยากจะทำให้เจี่ยจิ้งอานอับอาย เลยพูดประชดว่า “เถ้าแก่เจี่ย เห็นคุณนั่งนิ่งไม่ขยับ ไม่ชอบของล้ำค่าของผมหรือเปล่า?”
เจี่ยจิ้งอานส่งเสียงไม่พอใจออกมา “ของสามสิ่งนี้ก็ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่ว่าเถ้าแก่สวีกลับยอมที่จะเอาออกมาประมูล ผมก็เลยค่อนข้างสงสัย ผมก็เลยจำเป็นต้องเชิญคนมาช่วยตรวจสอบ!”
คำพูดของเจี่ยจิ้งอาน ก็ได้กระตุกใจของทุกคน
เมื่อครู่นี้ พวกเขาตื่นเต้นกับพลังของสิ่งล้ำค่าทั้งสามอย่าง แต่ไม่เคยคิดปัญหาที่เจี่ยจิ้งอานพูดออกมาเลย ตอนนี้มาคิดดู ก็เริ่มกลัวๆ ขึ้นมาเหมือนกัน
ในของล้ำค่าสามสิ่งนี้ จะมีอะไรหลอกลวงอยู่กันอยู่หรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นทำไมสวีตงฮ่านไม่เอาไว้ใช้เอง จะเอาออกมาประมูลทำไมกัน?
เจ้าสัวทุกคนก็จ้องมองไปยังสวีตงฮ่านนิ่งๆ รอให้เขาอธิบาย
สวีตงฮ่านก็หัวเราะพูดว่า “ความกังวลของเถ้าแก่เจี่ย ก็มีเหตุผล ที่ผมยอมเอาของสามสิ่งนี้มาประมูล ก็เพราะว่าผมมีของที่ดีกว่าสามสิ่งนี้อยู่อย่างไรล่ะครับ ส่วนจะเป็นอะไรนั้น ผมไม่สะดวกที่จะบอก เพราะของดีไม่มีใครเข้าบอกกันง่ายๆ !”
ทุกคนก็ถึงบางอ้อ คำอธิบายของสวีตงฮ่านมีเหตุผลดี
เซวียเชียนเหอนิ่งที่สุดในหมู่เจ้าสัวทั้งหลาย เขารู้สึกที่สวีตงฮ่านพูดออกมาถึงแม้จะมีเหตุผล แต่ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้หมด
“เถ้าแก่เจี่ย คนที่พวกเราเชิญมา ได้ตรวจดูของสามสิ่งนี้แล้ว ก็ไม่ได้พบสิ่งผิดปกติอะไร ตอนนี้ก็เหลือแต่ความคิดเห็นของทุนท่านแล้ว พวกเราอยากจะฟังความเห็นของเถ้าแก่เจี่ยเหมือนกันครับ!”
เจี่ยจิ้งอานยิ้มพูดว่า “ถึงแม้ผมจะได้ศึกษาเกี่ยวกับของโบราณมาบ้าง แต่ของที่เกี่ยวข้องกับเครื่องรางเครื่องทิพย์แบบนี้ มันเหนือความสามารถผมมจริงๆ แต่ว่า เฉินไต้ซือที่ผมเชิญมาน่าจะมีความรู้ด้านนี้อยู่แน่นอน!”
“เฉินไต้ซืองั้นหรือ?” ทุกคนก็อึ้ง แล้วมองไปยังเฉินซงจื่อในชุดนักพรตข้างๆ เฉินโม่
เจี่ยจิ้งอานก็ยกมือคำนับพูดกับเฉินโม่ว่า “ขอเชิญเฉินไต้ซือเลยครับ!”
เฉินโม่พยักหน้า แล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้น
แต่ว่า ชายวัยกลางคนข้างๆ เซวียเชียนเหอ ก็ส่งเสียงตะคอกเย็นๆ ออกมา “เถ้าแก่เจี่ยเชิญเฉินไต้ซือ คุณลุกขึ้นมาทำไม?”
ทุกคนก็ตะคอกออกมาเหมือนกัน “เอ็งเป็นลูกน้องใคร ทำไมถึงไร้มารยาทแบบนี้?”
เฉินโม่ก็ทำตาหยี ยืนอยู่ที่เดิม มองทุกคนนิ่งๆ
เจี่ยจิ้งอานก็รีบเข้ามาอธิบาย “เขาก็คือเฉินไต้ซือ!”
“อะไรนะ!” ทุกคนตกใจ ใบหน้าไม่อยากจะเชื่อ