แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1352
ดังนั้น พวกเขาก็อยากที่จะปลูกฝังกองกำลังเอาไว้ เพื่อไว้รับใช้พวกเขา
ก็เพราะคนส่วนนี้ ลุ่มหลงคำพูดของตระกูลหลิ่ว จึงออกตัวทันที เพื่อเตรียมจะกลืนกองกำลังของเฉินโม่
กลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรังยังมีน้ำชีวิตที่ต้องบุก
การที่จะโจมตีคนที่อยู่ในกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง ให้สำนักเฟิงหยวนของโลกบู๊โบราณเป็นผู้นำ เพราะเจ้านำสักของสำนักเฟิงหยวนได้ถึงขึ้นแดนเทพแล้ว เป็นคนที่เก่งที่สุดในบรรดาที่ตระกูลหลิ่วรวบรวมมาได้
อย่างไรก็ตามเจ้าสำนักของสำนักเฟิงหยวนไม่ได้ออกโรงเอง แต่ได้ส่งผู้อาวุโสท่านหนึ่งมาแทน
ด้านล่างเนินเขาวิหคจอด กลุ่มคนประมาณห้าสิบคนที่ฮึกเหิม หยุดอยู่ตรงเนินเขาวิหคจอดของขอบค่ายกลรวมทิพย์โคจรมหาจักรวาล
ผู้นำตระกูลหลิ่ว หลิ่วหยวน เดินไปตรงหน้าของผู้อาวุโสหม่าฮ่วาหลงของสำนักเฟิงหยวน แล้วกล่าว “ตรงนี้ก็คือรังของเฉินไต้ซือ และก็คือสถานที่ที่ผลิตน้ำชีวิต ผมได้ส่งคนไปสืบมาอย่างชัดเจนนานแล้ว”
หม่าฮ่วาหลงโบกมือ “ถ้าอย่างนั้นยังรออะไรอีก จู่โจมเข้าไปเลย ยึดแหล่งน้ำชีวิตเอาไว้ให้ได้!”
“ใช่ ไปแย่งยยึดน้ำชีวิต ทรัพยากรที่ดีขนาดนี้เฉินไต้ซือมีสิทธิ์อะไรในการครอบครองคนเดียว!”
ในแววตาของหลิ่วหยวนเผยให้เห็นถึงความลำพองใจ คิดอยู่ในใจ “เป็นไปตามที่ฉันคาดการณ์เอาไว้เลย ขอเพียงพวกคุณมาที่เนินเขาวิหคจอด เห็นพลังทิพย์ที่เข้มข้นนี้ พวกคุณก็จะระงับความโลภที่อยู่ในใจไม่ได้แล้ว!”
“แต่ว่าฉันต้องเตือนพวกเขาหน่อย ตรงนี้มีการป้องกันด้วยค่ายกล เพื่อว่าเมื่อพวกเขาเสียเปรียบ แล้วจะหันมาโทษผม”
หลิ่วหยวนรีบเข้าไปห้ามหม่าฮ่วาหลงที่กำลังจะบุกเข้าไป “พี่หม่าช้าก่อน ที่ตรงนี้เฉินไต้ซือได้ตั้งค่ายกลเอาไว้ เราควรจะระวังตัวหน่อยถึงจะดี!”
หม่าฮ่วาหลงเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง “ต่อให้เขามีค่ายกล แล้วจะต้องกลัวทำไม? มันก็แค่ค่ายกล ฉันแค่สะบัดมือก็ทำลายมันได้แล้ว!”
“ไป ตามฉันเข้าไป!”
หม่าฮ่วาหลงแค่โบกมือ ลูกศิษย์ของสำนักเฟิงหยวนก็เดินตามหลังเขาอย่างลำพองใจ ได้เข้าไปในค่ายกลในเนินเขาวิหคจอด
“เฮ้ย………รอก่อนสิ!” หลิ่วหยวนแกล้งทำเป็นห้าม แต่ในใจนั้นได้ใจมาก
กองกำลังอื่น เมื่อเห็นหม่าฮ่วาหลงเข้าไปแล้ว แล้วคิดถึงว่าตอนนี้เฉินไต้ซือกำลังต่อสู้กับยากิวยิโตะที่ประเทศต้าเหอ ต่อให้ตรงนี้มีค่ายกล แต่ว่าค่ายกลที่ไร้เจ้าของมันจะน่ากลัวตรงไหน?
“ฉันว่าคนของตระกูลหลิ่วคงถูกเฉินไต้ซือฆ่าจนกลัวแล้ว แม้แต่ค่ายกลก็ยังกลัว ถ้าหากพวกนายกลัวตาย งั้นก็รออยู่ข้างนอก แต่ว่าน้ำชีวิตนั้นจะไม่มีส่วนแบ่งของพวกนายนะ ฮ่าๆๆ…….”
พูดจบ คนที่เหลือก็ทยอยกันเข้าไปในค่ายกล
เมื่อทุกคนเข้าไปแล้ว หลิ่วหยวนก็หัวเราะเยาะ “ที่พวกคุณดูถูกเฉินไต้ซือ เป็นเพราะว่าพวกคุณยังไม่เคยเห็นความสามารถของเขา ต่อให้ตัวเขาไม่อยู่ แต่ว่าค่ายกลที่เขาตั้งไว้มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน พวกคุณบุ่มบ่ามแบบนี้ คงไม่ได้มีจุดจบที่ดีอย่างแน่นอน”
หลิ่วหยวนเหลือบมองสมาชิกตระกูลหลิ่วที่อยู่ด้านหลัง แล้วพูดขึ้น “เรารออยู่ตรงนี้แหละ รอให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บ ดูว่าพวกเขายังจะดูถูกตระกูลหลิ่วเราอีกมั้ย!”
หม่าฮ่วาหลงที่พาคนเข้าไปในค่ายกล ในกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง เอียนชิงเฉิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กับสัมผัสได้ว่ามีคนบุกรุก
“พวกแกเป็นใคร? กล้าฝ่าเข้ามาในค่ายกลของกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง!” น้ำเสียงที่ก้องกังวานของเอียนชิงเฉิงมาจากพลังทิพย์ ดังสนั่นในค่ายกล
“ห๊า! นี่มัน……..”
ผู้คนที่เข้าในค่ายกลต่างก็ตกใจ ดูจากพลังนี้แล้ว ค่ายกลนี้เหมือนจะมีคนควบคุมอยู่ เหมือนจะไม่ใช่ง่าย!
“ผู้อาวุโสหม่า เราถอยออกไปกันก่อนมั้ย ผมรู้สึกว่าหลิ่วหยวนพูดถูก เราไปทำความเข้าใจกับค่ายกลนี้ก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการพลาดพลั้ง!” มีคนเกลี้ยกล่อม
หม่าฮ่วาหลงคิดถึงคำพูดที่ตัวเองคุยโวเอาไว้เมื่อกี้ แถมยังหัวเราะหลิ่วหยวนว่าขี้ขลาด ถ้าหากตอนนี้ถอยออกไป ไม่เท่ากับออกไปให้ตระกูลหลิ่วหัวเราะเหรอ?
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก คาดว่าน่าจะเป็นลูกศิษย์ที่เฉินไต้ซือจัดให้เฝ้าไว้ ทุกคนตามฉันมา สิบนาที ฉันขอเพียงสิบนาที ก็จะสามารถทำลายค่ายกลนี้ได้แล้ว และพาทุกคนเข้าไปข้างใน!” หม่าฮ่วาหลงพูดให้คำมั่นอย่างเสียงดัง
“ได้ พวกเราเชื่ออาวุโสหม่า!” เหล่าลูกศิษย์ที่ไม่เคยเห็นความร้ายกาจมาก่อน เห็นความเชื่อมั่นของหม่าฮ่วาหลง ก็เชื่อมั่นตัวเขาในทันที