แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 136
บทที่ 136
เจ้าสัวฉินเยว่ซานแห่งเมืองอานหลิน ก็พูดอย่างสงสัยว่า “เถ้าแก่เจี่ย คุณเลอะเลือนไปหรือเปล่า นี่ก็คือไต้ซือที่คุฯเชิญมาตรวจดูของโบราณงั้นหรือ? คุณล้อเล่นหรือเปล่า!”
“เถ้าแก่เจี่ย ที่อู่โจวของคุณไม่มีคนอื่นแล้วหรือไง? ถึงได้เอาเด็กแบบนี้มาตรวจดูของ!” เจ้าสัวอีกคนก็พูดประชดขึ้นมา
เซวียเชียนเหอก็อดส่ายหัวไม่ได้ “เถ้าแก่เจี่ย คุณล้อเล่นเกินไปหรือเปล่า ให้ไต้ซือตัวจริงออกมาเถอะ!”
มีเพียงฟางปู้ถงเศรษฐีอันดับหนึ่งของชิ่งหยาง และสวีตงฮ่านที่ไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเคยเห็นฝีมือของเฉินโม่ที่การพนันหินมาแล้ว
ตอนนี้ เจี่ยจิ้งอานก็เริ่มลังเล ตอนนั้นที่การพนันหิน เขารู้สึกว่าสายตาของเฉินโม่ไม่เหมือนใคร ก็เลยอยากจะคบค้าสมาคมไว้ ต่อมาเฉินโม่ควบคุมสายฟ้า จนผ่าหวางไต้ซือตาย ยิ่งทำให้เจี่ยจิ้งอานเคารพเป็นดั่งเทพ
แต่ว่า เจี่ยจิ้งอานกลับคิดไม่ถึงว่า ของล้ำค่าที่สวีตงฮ่านนำมาครั้งนี้ จะเป็นเครื่องรางเครื่องรางในตำนาน!
เฉินโม่จะมองของพวกนี้ออกไหมนะ?
แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ ต่อให้เจี่ยจิ้งอานจะเสียใจช้าไป แต่ก็ไม่อาจจะออกไปหาไต้ซือได้อย่างนักพรตเต๋อหลงเข้ามาได้ อีกอย่างถ้าออกไปหาตอนนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะหาเจอ
ชิวอู๋มิ่งก็เผยสายตาอาฆาต พูดเสียงเย็นว่า “เถ้าแก่เจี่ย รีบเชิญเฉินไต้ซือท่านนี้ออกมาตรวจดู! ผมอยากจะเห็นเขาหน้าแตกจะแย่อยู่แล้ว!”
ชิวอู๋มิ่งคนนี้ พูดจาแดกดันดีจริงๆ !
นักพรตเต๋อหลงก็มีสีหน้าดูถูก สายตาที่มองเฉินโม่มีความเหยียดหยาม แม้แต่เขายังถูกชิวอู๋มิ่งดูถูก เด็กน้อยคนหนึ่งจะมองดูอะไรออกมาได้? ขายหน้าเปล่าๆ !
เจี่ยจิ้งอานขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก ได้แต่ยิ้มแหยใส่เฉินโม่ “เชิญไต้ซือตรวจดูเลยครับ!” น้ำเสียงที่พูดก็เบาลงมาก
สวีตงฮ่านมีชิวอู๋มิ่งคอยช่วย ไม่เห็นเฉินโม่อยู่ในสายตา พูดประชดว่า “เฉินไต้ซือ อย่ามองผิดไปนะ!”
เฉินกวาดสายตามองทุกคน แล้วก็เดินไปตรงหน้าของล้ำค่าสามสิ่งนั้น สุดท้ายสายตาก็มองไปยังสวีตงฮ่าน “จะให้ผมพูดจริงๆ ใช่ไหม?”
สวีตงฮ่านเริ่มใจเสีย ไม่ได้พูดอะไรตอบมา ชิวอู๋มิ่งที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ้มเยาะ “พูดมา!”
เฉินโม่หันไปมองเจี่ยจิ้งอาน “งั้นผมก็จะพูดแล้วนะ”
“ของสามสิ่งนี้ล้วนเป็นของปลอม ไม่มีผลอะไรต่อร่างกายคนเลย!” เฉินโม่ใช้คำพูดเดียวสะเทือนไปหมด
นักพรตเต๋อหลงก้าวออกมาตะคอกใส่คนแรก “เหลวไหลสิ้นดี!”
“ไข่มุกเม็ดนั้นกับพระพุทธรูปสำริดผมได้ตรวจดูแล้ว ล้วนเป็นของดีที่มีพลังทิพย์แฝงอยู่ ทำไมคุณถึงมองว่าไม่มีพลังอะไรเลย!”
ฉินเยว่ซานก็ส่งเสียงไม่พอใจ “ไอ้หนู ตนเองมองไม่ออก ก็บอกว่าเป็นของปลอม เถ้าแก่เจี่ยคุณหาเด็กหลอกลวงที่ไหนมา รีบไล่ออกไปเลย อย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่!”
แม้แต่ฟางปู้ถงมองเฉินโม่ก็ส่ายหัวเหมือนกัน “สรรพคุณของสามสิ่งนี้ พวกเราก็สัมผัสได้กับตัวเอง ไม่มีทางเป็นของปลอมได้ เกรงว่าครั้งนี้เฉินไต้ซือจะมองผิดไปแล้วล่ะ”
เซวียเชียนเหอก็หัวเราพูดออกมาว่า “พ่อหนุ่ม ข้าวน่ะกินมั่วได้ แต่คำพูดจะมั่วไม่ได้นะ!เอ็งพูดออกมาแบบนี้ กำลังเยาะเย้ยว่าพวกเราตาบอดกันอยู่หรือไง?”
ทุกคนก็ปงะ ต่างพากันโทษเฉินโม่
มีเพียงสวีตงฮ่านและชิวอู๋มิ่งที่ไม่ได้พูดอะไร สายตาก็ตกใจ
เจี่ยจิ้งอานก็ปวดหัว เขาก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเฉินโม่จะวิเคราะห์แบบนี้ สรรพคุณจากทั้งสามสิ่งก็เพิ่งได้สัมผัสไปเมื่อครู่นี้ เชื่อว่าไม่ปลอมแน่นอน ไม่มีทางเป็นของปลอมแน่
เฉินโม่ต้องพูดมั่วอยู่แน่ๆ !
“ใต้ซ์อเฉิน คุณดูอีกทีไหมครับ? ผมรู้สึกว่าของสามสิ่งนี้ ไม่น่าจะเป็นของปลอม!”
เฉินโม่ส่ายหัว แล้วถอนหายใจเบาๆ “เอาเถอะ ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ อย่างนั้นผมก็จะพิสูจน์ให้พวกคุณเห็น!”