แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 138
บทที่ 138
ซังซังกับเอียนชิงเฉิงก็ตกใจจนหน้าซีดขาว กอดกันแน่น ไม่สนใจความปลอดภัยของเฉินโม่เลย
เฉินซงจื่อก็สีหน้าหนักใจ สองมือกำแน่น เตรียมจะลงมือช่วย
เฉินโม่ก็สีหน้านิ่ง ราวกับเป็นเรือน้อยที่ลอยเคว้งในคลื่นลูกใหญ่ พร้อมจะมีอันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา
“ปล่อยวิญญาณอะไรของมึงมาเลย เดี๋ยวกูเอาสายกำจัด!”
เฉินโม่ยื่นสองมือออกไป แล้วก็เสียงนิ่งเย็นว่า “สายฟ้าจงมา”
ตูม!
สายฟ้าสองสายใหญ่ขนาดเท่าแขน ปรากฏขึ้นในมือของเฉินโม่ทั้งสองข้าง ราวกับเป็นงูกสายฟ้า ขยับไปมาไม่หยุด
“เคล็ดฟ้าร้อง!”
ชิวอู๋มิ่งสีหน้าตกใจ “มึงคือผู้สืบทอดของสำนักเทียนซือ!”
เฉินโม่ไม่ได้สนใจเขา ปากก็บัญชาการว่า “ทำลาย!”
สายฟ้าสองสาย ฟาดลงมาจากฟ้า สายหนึ่งฟาดลงใส่หัวกะโหลกทั้ง6 อีกสายฟาดใส่ตัวของชิวอู๋มิ่ง
สายฟ้าขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ เคล็ดฟ้าร้องของสำนักเทียนซือ แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นวิชาที่ไม่ถูกกับพรรคภูติผี และสายฟ้าที่เฉินโม่เรียกมา มันรุนแรงกว่าของสำนักเทียนซืออีก
นี่ยังถือว่าเฉินโม่มีพละกำลังที่ต่ำเกินไป ถ้าเขาได้มีพลังระดับแดนยาทอง แล้วเรียกสายฟ้ามา เกรงว่าตึกนี้ก็คงจะถูกสายฟ้าฟาดใส่จนเป็นซาก
หัวกะโหลกทั้ง6ก็สลายหายไป สายฟ้าก็หายไปเหมือนกัน
ชิวอู๋มิ่งเผยเสียงร้องออกมาแปลกๆ แรงที่เหลือพ่นควันดำออกมาจากปาก ทั้งตัวก็ผอมไป ก่อนหน้านี้ยังอ้วนอยู่ วินาทีต่อมาก็ผอมจนเหลือหนังหุ้มกระดูก!
ควันสีดำพวกนั้นกลายเป็นหัวกะโหลกนับพัน สุดท้าย ก็รวมกันเป็นหนึ่งร่าง คล้ายๆ ตัวของชิวอู๋มิ่ง
เงาดำนั้นมากำบังตรงหน้าของชิวอู๋มิ่ง เข้าไปปะทะกับสายฟ้าอย่างแรง
โครม!
เงาดำหายไป สายฟ้ายังอยู่ แล้วก็ฟาดใส่ตัวของชิวอู๋มิ่งต่อไปอีก
เปรี้ยง!
ชิวอู๋มิ่งมีควันขึ้นเต็มตัว หน้าดำเป็นถ่าน ทั้งจมูก ปาก หู ล้วนมีควันออกมา สภาพดูไม่จืด
“ไต้ซือ ไว้ชีวิตผมด้วย ต่อไปนี้ผมจะยอมคุณทุกอย่าง!” ชิวอู๋มิ่งมีพลังวิชาเหนือกว่าหวางหย่งซาน การโจมตีแค่ทำลายพละกำลังของเขาไปเท่านั้น ไม่ได้เอาชีวิตเขา
เฉินโม่ไม่ได้ลงมือต่อ แต่ถามไปเสียงเย็นๆ ว่า “กูถามมึงตอบ ถ้ามีคำไหนเท็จ กูจะทำลายชีวิตมึง!”
ชิวอู๋มิ่งกราบยอมแพ้ “ผมจะตอบทั้งหมดที่รู้เลยครับ!”
“มึงอยู่สำนักอะไร?” เฉินโม่ถาม
“ผมเป็นลูกศิษย์ของพรรคภูติผี ผมคือเจ้าสาม หลายวันก่อนที่ถูกคุณฆ่าตายไปคือเจ้าแปด ทำหน้าที่ผสานงานเรื่องนอกสำนัก” ชิวอู๋มิ่งตอบอย่างมีมารยาท ไม่กล้าปิดบังอะไร
“พรรคภูติผีอยู่ที่ไหน? มีทั้งหมดกี่คน? คนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่ระดับไหน?” เฉินโม่ถามต่อ
“พรรคภูติผีมีสาขาหลักอยู่ที่เขาลมเย็น ในสำนักรวมอาจารย์แล้ว มีทั้งหมด9คน อาจารย์ผมแข็งแกร่งที่สุด อยู่ระดับแดนเซียนผี”
“อะไรคือแดนเซียนผี? ถ้าแบ่งตามโลกฝึกบู๊ แดนเซียนผีถือว่าอยู่ระดับไหน?” เฉินโม่ไม่ค่อยเข้าใจการแบ่งระดับของพรรคภูติผี เลยเอามาเปรียบเทียบกับของในโลกฝึกบู๊
ชิวอู๋มิ่งตอบ “เจ้าแปดอยู่ระดับแดนเรียกขวัญ ถ้าในโลกฝึกบู๊ก็อยู่ระดับนักบู๊แดนนอก ผมอยู่ระดับแดนกลืนขวัญ เท่ากับนักบู๊แดนใน อาจารย์ผมแดนเซียนผี เท่ากับปรมาจารย์แดนแปรภาพ แต่ว่าพรรคภูติผีเราฝึกปราณหยินโดยเฉพาะ ถนัดเรื่องการเลี้ยงผีกลืนขวัญ จะแข็งแกร่งกว่านักบู๊ปกติมาก”
เฉินโม่พยักหน้า ในใจก็พอเข้าใจเรื่องราวในพรรคภูติผีแล้วบ้าง
“พอแล้ว มึงไปตายได้แล้ว!”
ชิวอู๋มิ่งตกใจ “ไต้ซือ คุณรับปากว่าจะไว้ชีวิตผม ทำไมถึงผิดคำพูดล่ะ?”
เฉินโม่ตะคอกออกมา “ในวิญญาณหยินเมนหลักของมึง แฝงไปด้วยหัวกะโหลกนับพัน แต่ละหัวล้วนหมายถึงวิญญาณอาฆาตหนึ่งดวง มึงฝึกวิชา ถึงกับต้องทำลายวิญญาณนับพัน ฟ้าละเว้นมึง แต่กูไม่ละเว้นมึง!”
เสียงดังเฮือก เฉินโม่สับฝ่ามือลงไป ชิวอู๋มิ่งที่ไร้พละกำลัง ก็เหมือนกับคนธรรมดา ก็จบชีวิตลงทันที