แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1458
“วางใจเถอะน้องชาย เรื่องนี้ก็มอบให้ฉันจัดการเถอะ เดี๋ยวฉันจะเรียกผู้อาวุโสสองคน ไปพร้อมกับฉัน!” ไปฆ่าพวกมัน ตู๋กูเยว่ตบหน้าอกรับปรกัน
หยูจุนโม่รีบโค้งคำนับขอบคุณ “ความเมตตาของพี่ตู๋กู โปรดรับคำขอบคุณจากผมด้วย!”
ตู๋กูเยว่พยุงหยูจุนโม่ แล้วกล่าว “ไม่ต้องเกรงใจ ก็แค่จัดการไอ้หนุ่มอวดดีคนหนึ่งเท่านั้น สำหรับตระกูลตู๋กูแล้ว เป็นเรื่องที่ง่ายมาก!”
“นายกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันตามไป”
“โอเค!” หยูจุนโม่กลับไปอย่างดีใจ
ตู๋กูเยว่ไม่ได้เห็นเฉินโม่อยู่ในสายตาเลย ถ้าหากเขารู้ว่าเฉินโม่นั้นจัดการได้ยาก คงไม่รับปากหยูจุนโม่อย่างแน่นอน
แม้ว่าเขาจะมีนิสัยใจคอที่คล้ายกับหยูจุนโม่ เรียกกันว่าพี่น้อง แต่ในสายตาของตู๋กูเยว่ หยูจุนโม่ก็เป็นเหมือนลูกสมุนของเขาคนหนึ่ง เขาไม่ได้เห็นหยูจุนโม่อยู่ในสายตาเลย
คุณชายอย่างตู๋กูเยว่ หากไม่ใช่คนที่ฐานเท่าเทียมกับเขา เขาไม่มีทางที่จะคบอย่างจริงใจ
ก็เพราะตู๋กูเยว่ไม่เห็นความสามารถของตระกูลหยูอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าคนที่สามารถชนะตระกูลหยูได้ ก็คงไม่ได้เก่งกาจอะไร ถึงได้รับปากอย่างรวดเร็ว
“เด็กๆ ไปตามผู้อาวุโสโม่กับผู้อาวุโสหลี่มา!” ตู๋กูเยว่ตะโกนสั่งลูกน้อง
เฉินโม่กับเฉินกั๋วเหลียงและเฉินเยว่ทั้งสามคน ได้กลับไปยังบ้านตระกูลเฉินที่อยู่หนานซู เดิมทีจะให้เฉินเยว่อยู่ที่สำนักซานเหอ แต่ว่าเฉินเยว่เห็นสถานที่แล้วก็คิดถึงเรื่องในอดีต ในใจมีความโศกเศร้า ดังนั้นจึงกลับไปพร้อมกับพวกเฉินโม่
อย่างไรก็ตามคนของสำนักซานเหอก็ไม่ได้ตายไปทั้งหมด ลูกศิษย์ที่ออกไปทำธุระข้างนอก รอดพ้นเคราะห์กรรมครั้งนี้ไปได้ สองสามวันมานี้เพิ่งกลับมาที่สำนัก แล้วทราบข่าวเรื่องที่สำนักถูกทำลาย แม้จะเจ็บปวดหัวใจ แต่กลับเข้มแข็งและแบกภาระของอาจารย์เพื่อสืบทอดสำนักต่อไป
ดังนั้น จึงไม่ต้องให้เฉินเยว่เป็นห่วงแล้ว
เฉินเยว่กลับมาแล้ว ก็อธิบายภาพรวมของพวกนักบู๊ที่มีโลกทัศน์ที่ว่าอ่อนแอเป็นเนื้อ แข็งแกร่งกินเนื้อ ทำให้เฉินกั๋วเหลียงเข้าใจการกระทำของเขาในเมื่อก่อนใจอ่อนเหมือนผู้หญิง อยู่ในกลุ่มนักบู๊ถือเป็นคนแปลกประหลาด
อย่างไรก็ตามเฉินกั๋วเหลียงกลับไม่คิดอย่างนั้น ถึงขั้นพูดว่าจะเปลี่ยนทัศนคติของนักบู๊ ในเมื่อไม่มีคนทำ เขาจะเป็นคนแรกที่ทำมัน
ถ้าหากสามารถเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์ของนักบู๊ เฉินกั๋วเหลียงก็จะกลายเป็นบุคคลที่ทำการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เฉินเยว่พูดไม่ออกเลย คิดไม่ถึง คุณปู่รองคนนี้ช่างมีปณิธานที่ใหญ่เหลือเกิน
เฉินโม่นั้นอะไรก็ไม่ได้ว่าอะไร เฉินกั๋วเหลียงอยากทำอะไร ก็ให้เขาไปทำ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ทั้งหมดก็จะมีเฉินโม่คอยจัดการให้อยู่ ขอเพียงไม่ทำอันตรายต่อเฉินกั๋วเหลียง เฉินโม่ก็จะไม่ยุ่ง
อีกอย่างเฉินโม่ก็รู้สึกว่าโลกทัศน์ของพวกนักบู๊ก็ควรจะมีการปฏิรูปได้แล้ว
เฉินโม่รับผิดชอบเพียงสอนทักษะการต่อสู้ให้กับเฉินกั๋วเหลียง เฉินเยว่พยายามอธิบายเรื่องโลกทัศน์ของนักบู๊
เอียนชิงเฉิงโทรมาแจ้งว่าเฉินซงจื่อและคนอื่นๆได้กินยาที่เฉินโม่กลั่นไว้ให้แล้ว หลังจากที่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแล้ว พลังบำเพ็ญก็เพิ่มขึ้นมาก
มังกรเอกนั้นถึงแดนเทพโดยตรง ลูกทีมอีกสองคนของหน่วยมังกร ก็ถึงปรมาจารย์แดนคุ้มกายแล้ว ขอเพียงมีเวลาที่มากพอ การที่จะไปถึงแดนเทพก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ต่างก็ว่าแดนเทพนั้นถึงยาก ยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์ ตอนนี้ดูแล้ว แดนเทพไม่ได้อยากขนาดนั้น เพียงแต่ว่าพลังบำเพ็ญของนักบู๊อ่อนเกินไป
โลกฝึกบู๊เมื่อเทียบกับโลกบู๊โบราณแข็งแกร่งกว่ามาก อย่างน้อยการที่จะตามหาแดนเทพ แค่เดินไป ก็เจอหลายคนแล้ว
เพียงแต่ว่าช่วงนี้เฉินโม่เหมือนจะรู้สึกได้ว่า ชี้ฟ้าดินเหมือนจะเพิ่มขึ้น ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเอง หรือว่าชี่ฟ้าดินฟื้นฟูกลับมาแล้วจริงๆ
ความรู้สึกแบบนั้นรุนแรงมาก แต่เมื่อตั้งใจไปสัมผัส กลับไม่พบอะไรพิเศษ
อย่างไรก็ตามเฉินโม่รู้สึกได้ว่าชี่ฟ้าดินเพิ่มขึ้นจริง ความรู้สึกมันชัดเจนมาก คงไม่ผิดอย่างแน่นอน
คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ เฉินโม่ก็เลยไม่คิดต่อ ถ้าปัญหาบนโลกนี้แม้แต่เขายังคิดไม่ออก ต่อให้คิดไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์ มันเกินขอบเขตความสามารถของเขาแล้ว และเกินไปอย่างมากด้วย