แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1575
เฉินโม่หันหน้าถลึงตาจ้องใส่กู่เยว่เหอในฉับพลัน “หาที่ตาย!”
ประกายสีทองพุ่งออกมาจากไรฟัน ตรงเข้าฟันใส่ไปที่กู่เยว่เหอ
“อะไรนั่น!” ทุกคนที่อยู่ต่างก็ตกตะลึง มองไปที่กระบี่สับสวรรค์ที่ลอยมาบนฟ้า สีหน้ามึนงง
“นี่เหมือนกับที่มีเล่ากันถึงกระบี่บินของเซียนกระบี่นะ!ดูท่าว่าอาจารย์เทพท่านนี้อาจเป็นได้ว่าก็คือเซียนกระบี่นั่นเอง!”
ผู้เฒ่าท่านหนึ่งที่อยู่ข้างล่างพูดออกมาด้วยความตื่นกลัว มองไปที่เฉินโม่ด้วยสายตาหวาดเกรง
“อาจารย์เทพเซียนกระบี่!”
คนทั้งหมดหลายคนเริ่มพูดย้ำชื่อนี้ต่อ ๆ กันไป
พวกเขาต่างมองไปที่เฉินโม่ ต่างแสดงออกในความยำเกรง
เวลานี้เฉินโม่ในสายตาของพวกเขา เปรียบได้เป็นคนแดนฟ้า ไม่มีใครกล้าสบตาตรง ๆ ด้วย!
กู่เยว่เหอในเวลานี้ก็ตื่นกลัวสุดขีด กระแสที่ส่งมาจากกระบี่สับสวรรค์ชนิดหนึ่งสร้างความหวาดหวั่นให้เขา ทำให้เขามีความคิดขนาดว่าอยากคุกเข่าลงขอสวามิภักดิ์
“ทุเรศ!” กู่เยว่เหอกัดฟันแน่น พยายามขัดขืนกับอารมณ์นั้น เขาจะยอมแพ้ไม่ได้ หากแม้แค่ความกดดันจากอาวุธของเฉินโม่ยังต้านไม่อยู่ แล้วเขายังจะเอาหน้าที่ไหนไปยืนอยู่เป็นที่หนึ่งในวงการปรุงกลั่นยา!
“ไปให้พ้นจากกู!” กู่เยว่เหอเปลี่ยนเส้นทางหมัด หันกลับไปที่กระบี่สับสวรรค์ ตั้งใจจะฟันปัดทิ้งการจู่โจมของกระบี่สับสวรรค์
แต่ เขามองเฉินโม่ต่ำไป และก็ประเมินพลังฝีมือตัวเองไว้สูงเกินไป เขานั้นเพิ่งเข้าถึงขั้นแดนดั่งเทพ แล้วจะไปขวางรับกระบี่สับสวรรค์ของเฉินโม่ได้ยังไง
ดาบฟันลงไป เฉียบพลันเด็ดขาด ตัวของกู่เยว่เหอถูกกระบี่นี้ฟันขาดไปครึ่งท่อน
“คุณพ่อ!” กู่หลานสะดุ้งโกรธคำรามลั่น มองไปที่เฉินโม่ นัยน์ตาแดงเลือด “ไอ้สัตว์ มึงฆ่าพ่อกู!”
ฉับพลันนั้นเฉินโม่ปล่อยมือออก ผู้อาวุโสฉีหลุดเป็นอิสระ ทรุดฮวบนั่งลงกับพื้น สีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
“พลังฝีมือที่ฝึกมาของข้า พลังฝีมือที่ฝึกมาของข้า……” ผู้อาวุโสฉีมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อ
และแล้ว เฉินโม่ก็มองที่กู่หลานอีก สีหน้าหนาวเยือก
เฉินโม่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น แต่กู่หลานตกใจรีบถอยกรูด ถอยพลางตะโกนสั่งไปยังพวกผู้อาวุโสของสำนักตันจง “ท่านผู้อาวุโสทุกท่าน เขาฆ่าเจ้าสำนัก พวกเรารวมตัวกันทั้งหมด ช่วยกันจัดการสับมันให้แหลกละเอียด แก้แค้นให้ท่านเจ้าสำนัก!”
เหล่าผู้อาวุโสพวกนั้นต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แม้ขนาดผู้แข็งแกร่งแดนดั่งเทพยังต้านกระบี่ที่ฟันมาแค่ทีเดียวของเฉินโม่ไม่ได้ พวกเขาแค่ระดับแดนปรมาจารย์ ให้รับหน้าขึ้นไปก็เป็นการเข้าไปตายเท่านั้นเอง
“พวกแก……” กู่หลานโกรธจนลูกตาแทบจะทะลักออกมาแล้ว แต่รู้อยู่ว่าถ้าเป็นตอนที่พ่อเขาอยู่นั้นยังอาจจะคุมผู้อาวุโสพวกนี้ได้ ให้ลำพังตัวเขาเองตอนนี้ไม่มีทางจะไปสั่งการพวกผู้อาวุโสเหล่านี้ได้
“ไปตายเถอะ!” เฉินโม่สะบัดมือออกไป กระบี่สับสวรรค์ก็พุ่งแทงทะลุขั้วหัวใจของกู่หลานไป
เย่ซูซูที่อยู่ยืนข้าง ๆ มู่เจิ้งเฟิง อดไม่ได้ผวาตื่นกลัว กาฆ่าของเฉินโม่เฉียบขาดจนหล่อนเกิดความหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก หล่อนหักหลังออกมาจากสำนักยาเซียน ขโมยคัมภีร์เซียนยามาเข้าสวามิภักดิ์สำนักตันจง โทษของหล่อนจะยิ่งหนักสาหัสกว่ากู่หลานสองพ่อลูกเสียอีก
“อาจารย์อา ฉันรู้ว่ากู่เยว่เหอเอาคัมภีร์เซียนยาไปเก็บซ่อนอยู่ที่ไหน!” เย่ซูซูมองไปที่มู่เจิ้งเฟิงแล้วพูดขึ้นในทันทีนั้น
มู่เจิ้งเฟิงยิ้มเยือกส่ออาการเหยียดหมิ่น “อ้าว คุณหญิงน้อยเย่พูดหมายความว่ายังไงหรือ?”
เย่ซูซูคุกเข่าลงไปในทันทีนั้น น้ำตาไหลพราก “อาจารย์อา ฉันผิดไปแล้ว ความจริงตั้งแต่ออกจากสำนักยาเซียนมาแล้วนั้น ฉันก็รู้สึกตัวว่าผิดแล้ว อีกทั้งคนสำนักตันจงก็มองฉันเป็นคนนอก คอยกีดกันฉันมาตลอด หลายปีที่อยู่กับสำนักตันจงมา ก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย”
“ตอนนี้ ฉันถึงได้เข้าใจแล้ว บุญคุณที่สำนักยาเซียนที่มีต่อฉันเมื่อก่อนนั้นสูงล้ำขนาดไหน หลายปีมานี้ฉันก็จมอยู่ในห้วงทุกข์ของความละอายใจมาตลอด ฉันไม่หวังขอให้อาจารย์อายกโทษให้ฉัน เพียงแต่ขอร้องท่านให้ฉันได้กลับเข้าไปอยู่สำนักยาเซียน แค่นั้นแม้ตายฉันก็ยังได้ตาหลับ!”
พูดจบ เย่ซูซูก็กราบลงแทบเท้ามู่เจิ้งเฟิง
มู่เจิ้งเฟิงสะบัดเสียงฮึ “โบสก์ของสำนักเซียนยาจะเล็กเกินไป วางพระรูปองค์ใหญ่อย่างคุณคงไม่ได้”