แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 1613
ไม่นึกเลยว่าตำหนักเทพหิมะจะเป็นสิ่งที่ศิษย์น้องหญิงทิ้งไว้ ในใจเฉินโม่ร้อนรุ่นเหมือนไฟอย่างอดไม่ได้
แต่พอได้ยินข้อเสนอที่ไป๋ซิวพูดว่าจะฮุบคลังสมบัติของตำหนักเทพหิมะมาแบ่งกัน ท้ายที่สุดไฟแห่งความโกรธก็ถูกจุดจนติด
แสงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเฉินโม่ในทันทีทันใด สิ่งนี้กดดันให้ไป๋ซิวหายใจไม่ออกอยู่เล็กน้อย
“เฉินไต้ซือ!” ไป๋ซิวน้ำตานองหน้าและตะโกนด้วยเสียงที่ขาดหาย: “ฉันยอมเป็นแค่ผู้ติดตามก็ได้ ฉันจะหาคลังสมบัติของตำหนักเทพหิมะให้เฉินไต้ซือ ฉันจะอุทิศตนให้กับเฉินไต้…”
ไป๋ซิวยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นกำปั้นที่ขยายใหญ่ขึ้น ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ความสงสัยและความเสียใจ
เขาไม่พอใจที่จะต้องตายไปแบบนี้
เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองยินยอมยกคลังสมบัติทั้งหมดที่มีให้แล้ว แต่ทำไมยังจะลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมได้อีก?
แน่นอนว่าไป๋ซิวรู้สึกเสียใจมากกว่า ถ้าเขาไม่มาหาเฉินโม่ หรือถ้าหลังจากหาเฉินโม่เจอแล้วฆ่าเขาซะ…เขาก็อาจไม่ต้องเจอกับจุดจบแบบนี้รึเปล่า?
“ตำหนักเทพหิมะไม่ปล่อยนายไว้หรอก!”
“ตึง!”
หลังจากที่ไปซิวพูดคำที่รุนแรงออกไป หัวของเขาก็ถูกทุบจนแหลกเหมือนแตงโม สีแดงและสีขาวกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
มันไม่ได้กระเด็นโดนตัวของเฉินโม่ เขาใช้พลังชี่ป้องกันตัวเองเอาไว้เพราะรังเกียจสิ่งสกปรก
คิดจะครอบครองของของศิษย์น้องหญิง ไม่ว่าเป็นใคร มันก็ต้องตาย!
แล้วตำหนักเทพหิมะนั่นมันคืออะไรอีก?
ถ้าไม่ยั่วให้ฉันโมโหก็ดีไป แต่ถ้ากล้ายั่วให้ฉันโมโหโดยไม่รู้จักกลัวตาย ก็เตรียมถูกกำจัดจนราบได้เลย!
……
……
อดีตจอมพลหงเวยอารมณ์ดีมาก แต่พอนึกถึงหงซิงกั๋วที่เป็นหลานชายคนเดียวของตน เขาก็รู้สึกทรมานอยู่นิดหน่อย มีชั่วขณะหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะดีใจหรือว่าทุกข์ทรมานใจ
ถึงจะมีนัดกับเฉินโม่แล้ว แถมเฉินโม่ก็ตกลงจะมาตามนัด แต่เฉินโม่ก็ยังคงเป็นผู้ร้ายที่ตัดขาดสายเลือดผู้สืบทอดของเขา
ถึงในใจจะมีเสียงนับไม่ถ้วนที่เตือนตัวเองว่าควรให้อภัยเขาได้สร้างคุณูปการมากมายให้กับเผ่ามังกร เขานำพาเผ่ามังกรไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองได้ ถึงขนาดที่ว่ารวบรวมเผ่าบู๊โบราณให้เป็นหนึ่งได้…แต่ท่ามกลางเสียงนับพัน ประโยคนี้ก็ยังคงดังขึ้นอยู่ตลอด: เขานี่แหละ เขาฆ่าหลานชายของนาย ถึงหลานชายของนายจะเป็นคนชั่วช้า แต่เขาก็เป็นหลานชายคนเดียวของนาย เป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลหง
แต่…ถ้าให้ลูกชายกับลูกสะใภ้มีใหม่อีกคนล่ะ?
พอความคิดนี้ผุดขึ้น มันก็เติบโตอย่างรวดเร็วอย่างกับวัชพืช ไม่ว่ายังไงก็ควบคุมมันไม่ได้
ถ้าให้ลูกชายมีหลานชายให้อีกคน ก็จะสอนเขาให้เป็นคนดีและทำสิ่งที่ดีได้แน่ จากนั้นก็ส่งเขาเข้ากองทัพเพื่อฝึกฝนให้เก่งกาจจนกลายเป็นอัจฉริยะที่ควรค่าแก่การสร้าง
ในที่สุดอดีตจอมพลหงเวยก็คิดหาวิธีที่ดีได้ ในที่สุดเขาก็มีความสุขได้โดยไม่ต้องกังวลได้แล้ว แม้แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลที่เผ่าบู๊โบราณทิ้งไว้บนตัวเขาก็ดูเหมือนจะบรรเทาลงไปมาก
เขารู้สึกตื่นเต้นอยู่นิดหน่อย ก็เลยรีบเร่งฝีเท้าเพื่อจะรีบกลับไป เขาแทบรอไม่ไหวที่จะให้ลูกชายและลูกสะใภ้ให้กำเนิดหลานคนใหม่ของเขาแล้ว
ข้างหน้ามีป่าทึบอยู่ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน แดดยังดีและมีเสียงร้องที่ตื่นตกใจของฝูงนกโบยบินในป่าทึบ
อดีตจอมพลหงเวยเห็นแบบนี้ก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่นิดหน่อย
เขาจึงใช้ทางอ้อมและเดินเท้าอยู่หลายปี ปกติแล้วไม่มีใครทำให้ตัวเองต้องอยู่ในที่ที่อันตราย ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดคิด ก็เกรงว่าจะเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นกับเผ่ามังกร
แต่สวรรค์มักจะไม่เป็นไปตามความปรารถนาของผู้คน แม้อดีตจอมพลหงเวยจะใช้ทางอ้อม แต่ก็ยังถูกคนกลุ่มหนึ่งตามทัน
นี่เป็นเพราะอดีตจอมพลหงเวยบาดเจ็บสาหัส ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ถูกพวกโจรลอบโจมตีพวกนี้ไล่ตามอย่างแน่นอน
สิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้คือผู้นำตระกูลเฉินและผู้นำตระกูลหลี่