แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 181
มีตำนานเล่าขานกันมาในสมัยโบราณ ถึงเรื่องราวของพระโพธิสัตว์เสด็จข้ามแม่น้ำโดยใบอ้อใบเดียว รับการชมเชยอย่างมากในโลกบู๊
เทียบกับปัจจุบัน พระโพธิสัตว์ก็คงเป็นปรมาจารย์บู๊คนหนึ่ง เพราะคงมีเพียงปรมาจารย์บู๊เท่านั้นที่สามารถปล่อยพลังแดนนอกกาย ข้ามแม่น้ำโดยใบอ้อใบเดียวได้
เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้กำลังใช้วิธีเดียวกันกับพระโพธิสัตว์ แม้จะหัวหมอไปหน่อย แต่วิธีนี้ก็ใช้ได้ผลดีทีเดียว
ซุนจิ้งไฉและอายู่มีสีหน้าเคร่งขรึม ถ้าหากยาวิเศษถูกชิงไป พวกเขาคงมาเสียเที่ยวแน่
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่กล้าลงมือผลีผลาม เมื่ออยู่ต่อหน้านักบู๊แดนในชั้นสมบูรณ์ อายู่ยังอ่อนแอเกินไป
กลุ่มเว่ยจื่อหยุนเพียงแค่ยืนมองอยู่ที่เดิมเท่านั้น ไม่มีที่ท่าประหม่าเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่สนใจด้วยซ้ำว่ายาวิเศษจะถูกชิงไปหรือไม่
“วิธีการของท่านนั้นยอดเยี่ยม แต่ถ้าจะปล่อยให้ยาวิเศษถูกชิงไปแบบนี้ เราก็คงไร้ความสามารถเหลือเกินแล้ว” ชายชราที่ยืนอยู่บนหินก้อนแรกพูดเสียงดัง
หลังจากพูดจบ เขาหยิบลูกเหล็กสองลูกออกมาบนฝ่ามือ ฉวยโอกาสที่ชายชราคนนั้นเหยียบก้อนหินนั้น ดีดลูกเหล็กเข้าทำลายกิ่งไม้อย่างแม่นยำ
ชายชรากระโดนลงบนหินก้อนที่สามกลางบึง “นี่แก ! ความแค้นนี้ฉันต้องเอาคืนแน่ !”
“ฮึ ฮึ !” ชายชราบนหินก้อนแรกหัวเราะเบา ๆ โดยไม่สนใจแม้แต่การคุกคามจากอีกฝ่าย
ชายชราทั้งสองยืนบนหินทั้งสองก้อน ชายชราบนหินก้อนแรกปรับลมหายใจหนึ่งครั้ง จากนั้นกระโจนลงไปในน้ำ ใช้เท้าแตะบนผิวน้ำก่อนร่อนลงบนหินก้อนที่สอง และหลับตาลงเพื่อปรับลมหายใจอีกครั้ง
เมื่อไม่มีกิ่งไม้แล้ว ชายชราบนหินก้อนที่สามก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพึ่งพาความสามารถของตนเอง เขาเดินไปบนผิวน้ำเหมือนชายชราเมื่อสักครู่ จากหินก้อนที่สามไปยังหินก้อนที่สี่ และหยุดหลับตาลงปรับลมหายใจเช่นกัน
เหล่านักบู๊บนฝั่งที่เหลืออยู่ เริ่มรู้สึกกังวลเมื่อเห็นชายชราทั้งสองไปได้ถึงครึ่งทางแล้ว
“ไม่ ฉันทนรอไม่ไหวแล้ว ไม่ว่าจะมีตัวอะไรอยู่ในบึงนี้ ข้าก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ !” นักบู๊วัยกลางคนกล่าวอย่างฮึกเฮิม
นักบู๊อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “ข่าวลือเรื่องปีศาจเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ไม่มีใครเคยเห็นกับตาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ยาวิเศษมาอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว หากพลาดโอกาสนี้ไป ฉันต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่”
หลังจากพูดจบ ชายวัยกลางคนก็ก้าวออกไปข้างหน้าพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นร่างกายที่กำยำของเขา
เมื่อเห็นดังนั้น มู่หรงยานเอ๋อร์ถึงกับแก้มแดงระเรื่อรีบเบือนหน้าหนีทันที
โชคดีที่ชายคนนั้นยังเหลือผ้าคาดเอวปกปิดร่างกายไว้บางส่วน เขากระโดดลงไปในน้ำ รีบว่ายไปฝั่งตรงข้ามทันที
“วิธีนี้สิ ทั้งง่าย และได้ผล !”
กลุ่มนักบู๊ต่างทยอยกันทำตาม ถอดเสื้อผ้าที่เกะกะออก เหลือไว้แต่กางเกงขาสั้น กระโจนลงไปในบึงน้ำ ว่ายไปยังฝั่งตรงข้ามทันที
อายู่มองดูอย่างกระตือรือร้น และพูดกับซุนจิ้งไฉว่า “นายท่าน ผมก็จะไปสู้ด้วย”
ซุนจิ้งไฉพยักหน้า “เอาละ ระมัดระวังตัวด้วย จำไว้ว่าความปลอดภัยต้องมาอันดับแรก !”
“ผมเข้าใจแล้ว !” หลังจากพูดจบ พวกเขาก็ว่ายน้ำเข้าไปร่วมกับคนกลุ่มใหญ่ทันที
บนฝั่งเหลืออยู่เพียงคนธรรมดาไม่กี่คนเท่านั้น ยกเว้นเฉินโม่และอู๋ไต้ซือ ที่เหลือก็ไม่มีนักบู๊คนอื่นเลย
การว่ายน้ำไปยังอีกฝั่ง วิธีนี้แม้จะเชื่องช้าแต่ก็ได้ผล เมื่อรวมกับพลังกายอันน่าทึ่งของเหล่านักบู๊ ไม่นานนักพวกเขาก็ว่ายผ่านหินก้อนแรกไปได้ ส่วนสองคนที่ลงว่ายน้ำมาก่อน ได้ว่ายผ่านหินก้อนที่สองไปแล้ว ความเร็วยิ่งกว่าชายชราที่ลงมาก่อนหน้านี้เสียอีก
ชายชราที่กำลังนั่งปรับลมหายใจอยู่บนหินก้อนที่สี่ เมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่กล้ารีรออีกต่อไป เขาถอดเสื้อผ้า กระโดดลงน้ำว่ายตรงไปยังอีกฝั่งเช่นกัน
“ทุกคนรีบหยุดเขาไว้ อย่าปล่อยให้มันไปถึงที่นั่นได้ก่อน !” นักบู๊ที่อยู่ด้านหลังตะโกน
แต่ทว่า ชายชราคนนั้นมีพลังแดนในชั้นสมบูรณ์ ซึ่งมีพลังวัตรมากกว่าคนทั่วไป อีกทั้ง เมื่อต้องอยู่ในน้ำ ด้วยระยะทางที่ห่างกัน อาวุธก็ไม่มี จึงไม่มีทางเลยที่จะหยุดเขาไว้ได้