แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 182
เมื่อเห็นว่าชายชราข้ามหินก้อนที่ห้าและก้อนที่หกไปได้ ระยะห่างของเขากับยาวิเศษก็เหลืออีกแค่ไม่ถึงร้อยเมตร
“ฮ่าฮ่า ยาวิเศษนี้ต้องเป็นของฉัน เป็นปรมาจารย์มีหวัง !” เมื่อเห็นว่ายาวิเศษกำลังจะเป็นของตน ชายชราก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“หยุดเขาไว้ !”
นักบู๊ที่อยู่ด้านหลังร้อนรนอย่างยิ่ง ใช้กำลังทั้งหมดที่มีรีบว่ายไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง
แปดสิบเมตร หกสิบเมตร สี่สิบเมตร สิบเมตร…
บนฝั่ง เว่ยจื่อหยุนรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “ท่านอู๋ไต้ซือ ถ้าเกิดเขาได้ยาวิเศษไปล่ะ ?”
อู๋ไต้ซือกลับมีสีหน้าผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวลไป เขานั่นไม่มีทางได้มันไปหรอก !”
ซุนจิ้งไฉสีหน้าเศร้าสร้อย “โอ้ ดูเหมือนว่าอายู่จะไม่มีหวังแล้ว”
มู่หรงยานเอ๋อร์มองดูผู้ภาพผู้คนเข้าแย่งชิงยาวิเศษกันอย่างตื่นเต้น “ความเร็วขนาดนั้น แชมป์นักว่ายน้ำโอลิมปิกยังมิอาจเทียบได้เลย !”
เฉินโม่ยิ้มแล้วพูดว่า “คนพวกนั้นเป็นแค่คนธรรมดา แน่นอนว่าเทียบกับเหล่านักบู๊ไม่ได้หรอก”
“นายคิดว่าชายชราคนนั้นจะสามารถชิงยาวิเศษมาได้หรือเปล่า ?” มู่หรงยานเอ๋อร์ถามอย่างสงสัย
ดวงตาของเฉินโม่ฉายแววความสนุกอย่างมีนัย เขาตอบเบา ๆ “ใครจะไปรู้”
ตาของเขาจับจ้องไปที่ชายชราขณะกำลังกระโดดขึ้นคว้ายาวิเศษ…
ทันใดนั้น เสียงร้องอันน่าสังเวชก็ดังออกมาจากปากของเขา จากนั้นร่างกายของเขาก็จมดิ่งลงสู่ผิวน้ำทันที ในบึงน้ำอันมืดมิดมีน้ำเลือดไหลปะปนออกมาอย่างน่าประหลาด
ภายในน้ำดูเหมือนมีการเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้น ฟองอากาศใต้น้ำโผล่ขึ้นมาไม่หยุด และในที่สุดก็เกิดกระแสน้ำวนขึ้น
ปุ้ง !
เสียงร้องดังอู้อี้ ร่างของชายชราโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำทันที ขาของเขาหักทั้งสองข้าง น้ำเลือดไหลกระเซ็นไปบนอากาศ
“ช่วยฉันด้วย !” ชายชราตะโกนบอกด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เกิดมีบางสิ่งพุ่งขึ้นมาจากผิวน้ำ ปากของมันยาวแหลมปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทอง พุ่งเขมือบชายชราลงน้ำภายในคำเดียว
ทั่วทั้งบึงกลับคืนสู่ความเงียบสงบ เหลือทิ้งไว้เพียงแรงกระเพื่อมของน้ำ
“สัตว์ประหลาด !”
“หนี !”
นักบู๊คนหนึ่งตะโกนบอกด้วยใบหน้าซีดเผือด เขาหันหลังว่ายกลับเข้าฝั่งด้วยความรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่าก่อนหน้าที่หลายเท่าตัวนัก
ทุกคนหลังจากที่ตื่นจากภวังค์ก็รีบว่ายน้ำตามกลับเข้าฝั่งทันที
บนฝั่ง ใบหน้าของเว่ยจื่นหยุนเต็มไปด้วยความตกใจ เขาถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ท่านอู๋ไต้ซือ เมื่อครู่คือจระเข้เกล็ดทองใช่หรือไม่ ? มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน !”
อู๋ไต้ซือพยักหน้า “บึงน้ำดำนี้พิศวงมาก มันราวกับสรวงสวรรค์ก็มิปาน จระเข้เกล็ดทองอาศัยอยู่ที่นี่มาอย่างยาวนาน คอยดูดซับชี่ฟ้าดิน สติปัญญาเพิ่มพูน จนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด”
“มันกำลังปกป้องพรุนแดงนั่นอยู่ หากต้องการผลนั่น ก็จำเป็นต้องกำจัดจระเข้เกล็ดทองให้ได้”
มู่หรงยานเอ๋อร์สีหน้าดูหวาดกลัว นางแทบมองไม่เห็นเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเพียงแค่เสียงกรีดร้องเท่านั้น อยู่ ๆ ชายคนนั้นก็หายตัวไป
“เฉินโม่ เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น ? ชายชรานั่นอยู่ไหน ?”
เฉินโม่พูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “รอบ ๆ ยาวิเศษมีสัตว์ทิพย์คอยปกป้อง ชายชราคนนั้นถูกสัตว์ทิพย์ที่ซ่อนอยู่ในน้ำเขมือบลงไปแล้ว”
“อะไรกัน !” มู่หยงยานเอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีดเผือด ก้าวถอยหลังไปสามก้าว
เฉินโม่โอบนางไว้และปลอบประโลม “อย่ากลัวไป ตราบใดที่ฉันอยู่ที่นี่ สัตว์ร้ายนั่นทำอะไรเธอไม่ได้หรอก !”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
“อ๊ากกก”
นักบู๊วัยกลางคนด้านหลัง ถูกจระเข้เกล็ดทองลากลงน้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อนักบู๊ส่วนใหญ่หนีกลับเข้าฝั่งจนหมด น้ำสีดำก็กลับกลายเป็นสีแดงน่ากลัว เมื่อนับรวมชายชราคนนั้น มีนักบู๊ทั้งหมดสี่คนที่เสียชีวิตลงในบึงแห่งนี้
“นั่นมันตัวอะไรกัน สัตว์ประหลาดงั้นรึ ?” มีคนอุทานออกมา !
“แสดงว่าข่าวลือพวกนั้นเป็นความจริง ที่นี่มีสัตว์ประหลาดจริง ๆ งั้นสิ ?” บางคนเริ่มนึกขึ้นมาได้แล้ว ถึงตำนานเล่าขานของบึงน้ำดำแห่งนี้