แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 210
กู่เชียนซาตอบกลับอย่างเสียงเข้ม: “อย่าวู่วามไป ถ้าฆ่าคนเยอะเกินไป จะทำให้ทางการไม่พอใจ ถ้าหากพวกเขาไม่สนอะไรแล้วนำกำลังทหารมารอบพวกเรา แกรับมือได้เหรอ?”
เจ้าสี่หดลำคอลง นึกถึงความรุนแรงของการระเบิดของเครื่องบินขึ้นมาได้ หัวเราะอย่างเขินอาย: “ท่านอาจารย์ ฉันพูดเล่น ฉันจะพยายามไม่ฆ่าใคร!”
“ไปเถอะ!” กู่เชียนซาพยักหน้า
เจ้าสี่เดินไปข้างหน้า ตะโกนดูถูกฉู่เหวินสงและคนอื่นๆ: “เฉินไต้ซือก็แค่เต่าหดหัวตัวหนึ่ง พวกคุณติดตามเขาไม่มีอนาคตแน่นอน รีบยอมจำนนสำนักภูติผีของฉันแต่โดยดี ฉันจะไว้ชีวิตพวกแก!ผู้ใดขัดขืน ฆ่าไม่เว้น!”
ฉู่เหวินสงและคนอื่นๆมองหน้ากัน มองเห็นความสิ้นหวังของแต่ละคน
คนเหล่านี้ก็แค่คนธรรมดา ในโลกมนุษย์ พวกเขามีเงินมีอำนาจ ป่าเถื่อนเช่นกัน
แต่ว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคนในโลกฝึกบู๊ พวกเขาไม่มีกำลังที่จะโต้ตอบ
มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งฟางปู้ถงแห่งชิ่งหยางมองไปที่ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ นักบู๊ที่เขาซื้อตัวด้วยเงินก้อนใหญ่มา
“หากคุณสู้กับคนพวกนั้น มั่นใจแค่ไหน?”ฟางปู้ถงพูดเบาๆ
ชายวัยกลางคนดูละอายใจ: “แม้ว่าฉันจะเป็นนักบู๊แดนในชั้นรู้ความ แต่ถ้าเผชิญหน้ากับชายเมื่อครู่นี้ แค่กระบวนท่าแรกก็รับมือไม่ไหวแล้ว”
ฟางปู้ถงสีหน้าจนใจ ในใจได้ตัดสินใจไว้แล้ว
เซวียเชียนเหอแห่งเมืองหนานหลิงข้างกายก็มีนักบู๊สองคนเหมือนกัน หลังจากที่คุณท่านเซวียถามแล้ว สีหน้าก็ดูไม่ดีเหมือนกัน
“ช่างเถอะ ในเมื่อเฉินไต้ซือไม่มา เพื่อเอาชีวิตรอดพวกเรายอมจำนนให้กับสำนักภูติผี คิดดูแล้วต่อให้เฉินไต้ซือจะทราบเรื่อง ก็คงไม่ถือโทษพวกเรา!” เซวียเชียนเหอถอนหายใจด้วยสีหน้าที่ละอาย
ฉู่เหวินสงและผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ต่างก็ถอนหายใจตามๆกัน พยักหน้าอย่างจนใจ เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเซวียเชียนเหอ
“พวกแกปรึกษากันเสร็จแล้วหรือยัง? ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด ให้เวลาพวกแกอีกหนึ่งนาที หลังจากหนึ่งนาที ฉันจะเริ่มลงมือฆ่าแล้ว!” เจ้าสี่เลียริมฝีปากอย่างตะกละตะกลาม เขาอยากจะกลืนกินวิญญาณของคนเหล่านี้จริงๆ เพิ่มพลังวิญญาณหยินเมนหลักของตัวเอง
“เรา ยอมจำนน!”
ฉู่เหวินสงและผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ก้มศีรษะลงทันที ด้วยความอับอาย
เจ้าสี่เสียดายเล็กน้อย: “ไม่สนุกเลย พวกแกทำไมถึงได้ขี้ขลาดขนาดนี้ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ขัดขืนหรอ? อย่างน้อยก็ให้ฉันได้ดูดกินวิญญาณสักคนสองคนก็ยังดี!”
แค่คำเดียว ก็ทำให้ฉู่เหวินสงและผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ยิ่งอับอายมากขึ้น จนเชิดหน้าชูคอไม่ได้เลย
“ช่างเถอะ ไม่ต่อปากต่อคำกับคนธรรมดาอย่างพวกแกแล้ว ยังดียังมีนักบู๊แดนในชั้นสูงสุดอีกคน วิญญาณของเขาจะต้องแข็งแกร่งแน่นอน ดูดคนเดียว ได้มากกว่าพวกแกสิบคน” สายตาของเจ้าสี่ มองไปทางเฉินซงจื่อที่เป็นลมนอนไม่รู้สึกตัว
ฉู่เหวินสงคนอื่นๆตกใจทันที พวกเขายอมจำนนต่อสำนักภูติผี เฉินไต้ซืออาจจะไม่โกรธ แต่ถ้าหากอยู่เฉยๆมองดูเฉินซงจื่อถูกฆ่า พอเฉินไต้ซือมา จะต้องต่อว่าพวกเขาแน่นอน
แต่ว่า เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางเจ้าสี่ที่กระหายเลือดแล้ว อยากจะดูดกินวิญญาณของพวกเขาทั้งหมด เหล่าผู้มีอิทธิพลไม่กล้าที่จะห้ามปรามแต่อย่างใด
ฮึบ!
เจ้าสี่หายใจเข้าลึกๆอย่างแรง ควันดำรวมตัวกันเป็นเงาดำเหนือศีรษะ แยกเคี้ยวยกกงเล็บพุ่งไปทางเฉินซงจื่อ
“ฮ่าฮ่า ดูดกินวิญญาณนักบู๊ของแดนในชั้นสูงสุดคนนี้ ฉันก็จะสามารถเลื่อนขั้นถึงแดนในชั้นสูงสุด” สีหน้าเจ้าสีตื่นเต้นมาก
มองดูวิญญาณหยินเมนหลักพุ่งไปบนร่างของเฉินซงจื่อ กลืนกินวิญญาณของเฉินซงจื่อ ฉู่เหวินสงและผู้มีอิทธิพลคนอื่นๆ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าออกหน้าห้ามปราม ได้แต่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง
ชิ้ง!
ทันเวลาอย่างหวุดหวิด เสียงเหมือนเทพเซียน ดังเข้ามาในหูของทุกคน
แสงสีทองส่องมาทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วสูง ทะลวงท้องฟ้ายามค่ำคืนอันเงียบสงัด มาอยู่เคียงข้างเฉินซงจื่อทันที
เจาะทะลุวิญญาณหยินเมนหลักสีดำที่พุ่งเข้ามาบนร่างของเฉินซงจื่อ
วิญญาณหยินเมนหลักยังไม่ทันได้ตั้งตัว ได้สลายไปทันที
“อ๊า!”
ในขณะเดียวกันเจ้าสี่ก็ได้ตะโกนออกมา ถอยหลังหลายก้าว เลือดออกเจ็ดทวาร วิญญาณหยินเมนหลักถูกทำลาย เจ้าสี่บาดเจ็บสาหัส