แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 236
บทที่ 236
จากความทรงจำของเฉินโม่เมื่อชาติที่แล้ว ตอนนี้ธุรกิจเหม่ยหวากรุ๊ปพึ่งเริ่มต้นเท่านั้น และธุรกิจก็ค่อยๆรุ่งเรืองมากขึ้น ถ้าคนที่มีความคิดนิดหน่อยก็คงไม่ยอมถอนหุ้นในเวลานี้อย่างแน่นอน เพราะไม่มีใครไม่อยากได้เงิน
เมื่อฉือรุ่ยปิงพูดจบ เขากังวลใจมากๆ และรอคำตอบจากคุณพ่ออยู่
ผู้ชายที่พูดจาเคร่งขรึมและน่าเกรงขามคนนั้นพูดทันที:”โอเค ฉันรู้เรื่องแล้ว ฉันจะโทรหาประธานกรรมการหลี่ตอนนี้เลย”
เมื่อพูดจบก็วางสายทันที ทำให้ทุกคนได้ยินเสียงตู๊ดๆๆๆ
ฉือรุ่ยปิงโล่งอกทันที เขามองเฉินโม่กับเวินฉิงด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ:”เด็กหนุ่ม คุณได้ยินหรือยัง ตอนนี้พ่อของฉันปรึกษากับประธานกรรมการหลี่เรื่องถอนหุ้นแล้ว คุณก็รอแม่ของคุณกลับมาจัดการคุณได้เลย ฮ่าๆๆๆ……”
เวินฉิงมองหน้าเฉินโม่ด้วยความประหม่า ถ้าหลี่ซู่เฟินรู้เรื่องนี้จริงๆ เขาคงจะทำโทษเฉินโม่อย่างแน่นอน
สีหน้าของเฉินโม่นิ่งสงบมากๆ เขามองหน้าเวินฉิงด้วยรอยยิ้มและพูดปลอบใจทันที:”เชื่อใจฉันได้ ไม่มีอะไรอยู่แล้ว!”
เวินฉิงยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ กรรมการฉือได้โทรศัพท์ไปหาประธานกรรมการหลี่แล้ว แต่เฉินโม่กลับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย ดูเหมือนเฉินโม่จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว เวินฉิงก็ไม่อยากจะไปสนใจผลลัพธ์ที่จะตามมา ถ้าหลี่ซู่เฟินลงโทษจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นเธอแบกรับความผิดทั้งหมดเอาไว้เพียงคนเดียวก็ได้!
ผ่านไปชั่วครู่ เฉินโม่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและชูโทรศัพท์ต่อหน้าฉือรุ่ยปิง:”ตอนนี้คุณแม่ยังไม่ได้โทรหาฉันเลย พ่อของคุณลืมเรื่องนี้ไปแล้วหรือเปล่า คุณลองโทรไปถามอีกครั้งไหม?”
เมื่อมองเห็นสีหน้าอันจริงจังของเฉินโม่ ทำให้เวินฉิงหัวเราะออกมาทันที
เมื่อสักครู่เธอเป็นห่วงและกังวลใจมากจนเกินไป ตอนนี้เธอปล่อยวางแล้ว ทำให้เวินฉิงคิดออกทันที ตอนแรกฉือรุ่ยปิงแค่อยากจะข่มขู่เธอกับเฉินโม่เท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเขาโดนเฉินโม่พูดจาท้าทาย ทำให้เขาจำใจต้องโทรศัพท์หาพ่อของเขาและจงใจพูดจาโกหกและใส่ร้ายป้ายสี
เวินฉิงเชื่อมั่นมากๆ กรรมการฉือคงไม่ถอนหุ้นเพราะเรื่องแค่นี้อยู่แล้ว เพราะตอนนี้ธุรกิจของเหม่ยหวากรุ๊ปกำลังรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะเกิดวิกฤตเล็กน้อย แต่ไม่ได้เจอวิกฤตที่แก้ไขไม่ได้ ถ้าตระกูลฉือถอนหุ้นตอนนี้ พวกเขาจะสูญเสียอย่างมหาศาล
เวินฉิงมองเห็นสีหน้าอันมั่นใจของเฉินโม่ เธอรู้สึกดีใจมากๆ:”คิดไม่ถึงจริงๆว่าเลขาของประธานกรรมการหลี่อย่างฉัน กลับดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ออก และเกือบจะโดนฉือรุ่ยปิงหลอกแล้ว ดูเหมือนเสี่ยวโม่จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆ!”
สีหน้าของเฉินซงจื่อและคนอื่นๆเต็มไปด้วยความดูถูก พวกเขามองฉือรุ่ยปิงราวกับอีกฝ่ายเป็นตัวตลก
สีหน้าของฉือรุ่ยปิงแย่มากๆและพูดด้วยความโกรธ:”เด็กหนุ่ม คุณอย่าอวดดีมากจนเกินไป บางทีพ่อของฉันอาจจะติดธุระอยู่ บางทีตอนนี้คุณพ่ออาจจะกำลังคุยกับประธานกรรมการหลี่อยู่? ตอนนี้ฉันจะโทรศัพท์อีกครั้ง เพื่อทำให้คุณตายใจ”
เมื่อพูดจบ ฉือรุ่ยปิงโทรหาพ่อของเขาอีกครั้ง
อีกฝั่งของโทรศัพท์ ฉือโฉงหวาที่กำลังคุยเรื่องเงินทุนกับหลี่ซู่เฟินก็พูดด้วยรอยยิ้มทันที:”ต้องขอโทษด้วย ฉันขอตัวรับโทรศัพท์ก่อน”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินมาที่หน้าต่างและรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้าที่แย่มากๆ
“คุณพ่อ พ่อถอนหุ้นหรือยัง?”ฉือรุ่ยปิงถามด้วยความระมัดระวัง
สีหน้าของฉือโฉงหวาแย่ลงทันที เขารู้จักนิสัยลูกชายเป็นอย่างดี และรู้ว่าลูกชายตัวเองอยากจะใช้โอกาสที่เหม่ยหวากรุ๊ปเจอวิกฤตและทำตัวอวดดีต่อหน้าเฉินโม่ เมื่อสักครู่เขาก็เลยแกล้งพูดแบบนั้นออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าลูกชายโง่ๆของเขาจะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง!
ถ้าลูกชายอยู่ต่อหน้าเขา ฉือโฉงหวาคงตบหน้าฉือโฉงหวาอย่างแน่นอน เพื่อให้ลูกชายที่ไม่เอาไหนได้สติคืนมา เมื่อแกอวดดีต่อหน้าคนอื่น ฉันก็แกล้งทำเป็นคล้อยตามคุณแล้ว แต่ถ้าแกอวดดีจนทำให้ฉันต้องสูญเสียผลประโยชน์ ยังคิดจะให้ฉันทำมันจริงๆเหรอ?
“ถอนหุ้น? สมองของแกมีปัญหาหรือเปล่า? ตอนนี้เหม่ยหวากรุ๊ปเจอเรื่องวิกฤต ฉันในฐานะผู้ถือหุ้นของเหม่ยหวากรุ๊ปจะซ้ำเติมบริษัทในเวลานี้ได้ยังไง? เมื่อก่อนฉันเคยสอนแกยังไง? ตอนนี้ฉันกับประธานกรรมการหลี่อยู่ด้านนอกเพื่อคุยเรื่องเงินทุนอยู่ รอฉันกลับไปก่อน ฉันจะสั่งสอนแกทันที!”