แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 251
บทที่ 251
ณ ห้องถ่ายทอดภาพวงจรปิด สำนักงานความมั่นคงประจำเมือง
ท่านนายกเทศมนตรีข่งเต๋อหยุนขยี้ดวงตาที่เกิดอาการเจ็บ พลางพูดออกมาด้วยความเหนื่อยล้าว่า “หาต่อไป เมฆฝนที่ตกลงมาครั้งนี้มันแปลกเกินไป ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ยังบอกอีกว่าก่อนที่จะเกิดฝน ได้เห็นแสงสีเงินปรากฏขึ้น อีกทั้งเมฆฝนนี้ยังปกคลุมเพียงแค่รอบอาคารไอค์เท่านั้น หลังจากไฟดับมอดลง ฝนก็หยุดตก หากไม่ใช่เพราะมีคนสร้างมันขึ้นมาล่ะก็ คงจะไม่มีความเป็นไปได้อื่นแล้ว !”
เจ้าหน้าที่ต่างก็ทำงานหนักกันตลอดทั้งคืน ทุกคนง่วงเหงาหาวนอน พยายามตามหาผู้ต้องสงสัยในที่เหตุการณ์เพลิงไหม้
เลขานายกเทศมนตรีจินเอี๋ยนหยู่ที่อยู่ข้าง ๆ นำน้ำชามามอบให้นายกฯข่ง พลางพูดโน้มน้าวท่านว่า “ท่านนายก เชิญนั่งพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมจะดูแทนให้เอง หากพบเบาะแสอะไรเพิ่มผมจะรีบแจ้งท่านทันที !”
“ไม่ได้ ฉันต้องดูมันด้วยตนเอง ฉันกลัวพวกนายจะหามันไม่เจอ” ข่งเต๋อหยุนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
ข่งเต๋อหยุนไม่เพียงแต่เป็นนายกเทศมนตรีในฮ่านหยางเท่านั้น เขายังเป็นคนของตระกูลข่งในมณฑลหลู่ตง ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง แม้จะเทียบไม่ได้กับหกตระกูลมหาอำนาจในยานจิง แต่ก็ถือว่าเป็นเจ้าถิ่นในด้านหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ตระกูลข่งสืบทอดกันมากว่าพันปี ก็มีสิ่งที่ผู้คนไม่รับรู้อยู่อีกมาก
ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นข่าวลือ แต่ข่งเต๋อหยุนกลับเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก
จากเหตุการณ์ฝนตกในครั้งนี้ ข่งเต๋อหยุนมั่นใจว่าต้องมีคนที่คอยควบคุมอยู่เบื้องหลังแน่นอน
ทันทีนั้นสีหน้าของข่งเต๋อหยุนก็เปลี่ยนไป เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “หยุด !”
เจ้าหน้าที่สองนายถึงกับตกใจ เขารีบเรียกกล้องวงจรปิดหมายเลขเก้าขึ้นมายังหน้าจอหลักอย่างกระตือรือร้น
แต่ภาพฉายกลับเห็นเพียงในท้องฟ้าที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงจากเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ มีประกายแสงสีน้ำเงินสว่างวาบขึ้น ในมุมเงียบ ๆ มุมหนึ่งห่างไกลออกไปจากฝูงชนมีชายหนุ่มถือหยกแขวนในมือยืนอยู่ หากไม่ตั้งใจดูก็คงไม่มีทางเห็น แสงสีเงินถูกปล่อยออกมาจากหยกแขวนนั่นแน่นอน
“กรอช่วงนี้กลับไป !” ข่งเต๋อหยุนเกิดประกายแสงในดวงตา น้ำเสียงดูเร่งรีบ ราวกับกำลังจะพบทวีปใหม่
“เป็นเขาแน่ ๆ !” หลังจากดูจบ สีหน้าของข่งเต๋อหยุนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น น้ำเสียงสงบนิ่ง
“หาดูว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร เอาเอกสารของมันมาดู !”
เจ้าหน้าที่ต่างก็ทำงานจนยุ่ง เมื่อเปรียบเทียบกับรูปภาพที่ได้ ไม่นานพวกเขาก็พบข้อมูลของเฉินโม่
เมื่อเห็นภาพของเฉินโม่บนจอขนาดใหญ่ จินเอี๋ยนหยู่ก็ถึงกับตกใจในฉับพลัน “เป็นเขานี่เอง !”
ข่งเต๋อหยุนเมื่อได้ยินจินเอี๋ยนหยู่พึมพำ เขาก็หันมาถามด้วยความสงสัย “นายรู้จักคนนี้งั้นหรือ ?”
จินเอี๋ยนหยู่เหลือบไปมองข่งเต๋อหยุนพลางพยักหน้าเบา ๆ “ครับ”
แต่เขากลับไม่ได้เปิดเผยข้อมูลอะไรออกมา
ข่งเต๋อหยุนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้ในทันที จากนั้นเขาก็หันไปออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ถือว่าเป็นความลับระดับ s ใครที่แพร่งพรายออกไปต้องถูกจัดการโดยหน่วยสืบราชการลับ เข้าใจไหม ?”
“เข้าใจครับ !” หน้าของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างก็ตกใจกลัว มองไปยังรูปของชายหนุ่มที่ฉายขึ้นบนหน้าจอ ครุ่นคิดด้วยความสงสัย
ห้องทำงานนายกเทศมนตรี ข่งเต๋อหยุนนั่งลงบนเก้าอี้ มองไปยังจินเอี๋ยนหยู่และพูดว่า “พูดมาสิ เด็กคนนั้นเป็นใคร ?”
จินเอี๋ยนหยู่รู้ว่าข่งเต๋อหยุนเป็นคนของตระกูลข่งในมณฑลหลู่ตง สำหรับบางเรื่องจึงไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังเขา เขาได้นำเรื่องของเฉินโม่ที่ได้ฟังมาจากคนอื่นอีกทีบอกเขาไป
เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ข่งเต๋อหยุนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ไม่นึกเลยว่าจะมีผู้วิเศษอย่างนี้อยู่บนโลก ในเมื่อฉันได้เจอแล้ว งั้นคงต้องขอพบกันสักหน่อย !”
……
ณ ห้องประชุม เหม่ยหวา กรุ๊ป
เมื่อคืนวาน หลี่ซู่เฟินได้ออกจากยู่หนานกลับมายังฮ่านหยาง ทำให้อ่อนเพลีย ไม่ทันได้มีโอกาสเจอเฉินโม่ก็พล่อยหลับไปแล้ว
วันต่อมา หลี่ซู่เฟินมายังบริษัท รีบเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อเตรียมประกาศเรื่องการจัดเงินระดมทุน สร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทุกคน
ช่วงสายประมาณเก้าโมง คณะกรรมการบริษัทขาดไปหนึ่งคน ที่เหลืออีกสิบสองคนมาถึงแล้ว จัดการประชุมตามปกติ
“ทุกท่าน ก่อนที่จะเรียกทุกท่านมาประชุมในวันนี้ มีข่าวดีที่จะต้องประกาศให้ทุกท่านได้ทราบ” หลี่ซู่เฟินพูดพลางยิ้มเล็กยิ้มน้อย
คณะกรรมการทุกคนต่างก็มีสีหน้ายิ้มแย้มกันทุกคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้อยู่แล้วว่าข่าวดีของหลี่ซู่เฟินนั้นคืออะไร