แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 259
บทที่ 259
เวินฉิงรีบหยิบโทรศัพท์จากพื้นขึ้นมารับสายทันที
ปลายสาย มีเสียงผู้ชายที่ฟังดูกำลังเร่งรีบพูดอยู่ “ท่านประธาน แย่แล้ว ! บริษัทอย่างเทียนซิง ว่านหยวนที่ก่อนหน้านี้มีความร่วมมือที่ดีต่อกันจู่ ๆ ก็ขอยุติความร่วมมือ แถมยังมีบริษัทของตระกูลว่านอีกหลายบริษัทที่มาขอยกเลิกการทำธุรกิจกับเราด้วย กรรมการสวี กรรมการฟางและคนอื่น ๆ รวมคณะกรรมการทั้งหมดแปดท่าน ก็ประกาศขอถอนหุ้นออก ตอนนี้ผู้บริหารในเหม่ยหวากรุ๊ปต่างก็วุ่นวายกันไปหมด จิตใจของพนักงานตอนนี้อยู่ในความหวั่นไหว ท่านรีบกลับมาแก้ไขปัญหานี้เถอะครับ !”
เวินฉิงมองหลี่ซู่เฟินด้วยความตกใจ “เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง !”
“จบแล้ว เหม่ยหวาจบสิ้นแล้ว !” ใบหน้าของหลี่ซู่เฟินซีดเผือด นั่งหลังพิงเก้าอี้อย่างสิ้นหวัง
เวินฉิงพูดอย่างวิตกกังวลว่า “ท่านประธาน ท่านต้องนำกำลังใจกลับมาให้ได้นะคะ บริษัทเหล่านั้นละเมิดสนธิสัญญาของเรา ต้องสูญเสียไม่น้อยไปกว่าพวกเราแน่ ในเมื่อคณะกรรมการขอถอนหุ้นออก เราสามารถอาศัยข้อกฎหมายในการแก้ปัญหาได้ เรายังพอมีเวลา ขอแค่กองทุนของเหอฮุ่ยกรุ๊ปมาถึง พวกเราก็ยังสู้กลับได้ !”
ในช่วงเวลาสำคัญอย่างนี้ เวินฉิงโชว์ความสามารถเมื่อต้องเผชิญหน้ากับปัญหา และรีบวิเคราะห์สถานการณ์ออกมาอย่างรวดเร็ว
หลี่ซู่เฟินยิ้มอย่างฝืน ๆ “ไม่มีประโยชน์หรอก เหม่ยหวาเกิดขึ้นมาเร็วเกินไป ตอนนั้นเพื่อที่จะดึงคนมาร่วมลงทุน ฉันจึงได้เขียนสัญญาขึ้นมาหลวม ๆ พวกเขาสามารถถอนหุ้นออกไปได้ตลอดเวลา เหม่ยหวาในตอนนี้มีเงินทุนเหลือไม่เพียงพอ ถ้าคนเหล่านี้ถอนหุ้นออกเหม่ยหวากรุ๊ปก็จบสิ้นแล้ว !”
ตอนนี้ แม้แต่เวินฉิงเองก็ไร้เรี่ยวแรง “ถึงว่าทำไมเหล่าคณะกรรมการพวกนั้นถึงแทบจะไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลย ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง !”
“แต่ยังไงท่านก็ต้องสู้ต่อไปนะคะ ท่านอย่าเพิ่งลืมไปสิว่าที่นี่คือที่ไหน พวกเรายังสามารถดึงนักลงทุนได้อยู่ แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือการเขียนสัญญาให้รัดกุมมากขึ้น ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะต้องเห็นศักยภาพการเติบโตของเหม่ยหวาในอนาคต จนไม่สามารถพลาดสิ่งล่อตาล่อใจเหล่านี้ได้ !”
แววตาของหลี่ซู่เฟินเริ่มกลับมามีความหวังขึ้นอีกครั้ง “เธอพูดถูก ในเวลานี้ฉันไม่ควรจะต้องพ่ายแพ้เพราะพวกเขา ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ !”
หลี่ซู่เฟินรับโทรศัพท์มาจากมือของเวินฉิง และพูดออกไปด้วยความแน่วแน่ว่า “คุณจ้าว อย่าเพิ่งร้อนรนไป ทำตามที่ฉันบอกนะ”
หลังจากนั้น หลี่ซู่เฟินก็ออกคำสั่งทีละข้อด้วยความเป็นระเบียบ แสดงให้เห็นว่าในวงการธุรกิจผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดา
ก่อนอื่นต้องทำให้ภายในเหม่ยหวากรุ๊ปมั่นคงก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีดึงผู้ลงทุนเข้ามา เพื่อทดแทนเงินทุนส่วนที่หายไปจากการถอนหุ้นออกของคณะกรรมการเหล่านั้น
ภายในห้องโถงใหญ่ จากบทเรียนของหลี่ซู่เฟิน คนที่คิดจะเข้าไปทักทายว่านฉางหรู ก็เริ่มจะแอบ ๆ คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเพียงพอหรือเปล่า
แต่ทว่า มันกลับหยุดแรงดึงดูดของคนที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่านหยางไม่ได้ ยังมีคนเดินเข้าไปกล่าวทักทายว่านฉางหรูไม่ขาดสาย ซึ่งว่านฉางหรูก็รักษามารยาทไว้ได้อย่างดี มีเพียงหลี่ซู่เฟินเท่านั้นที่ต่างออกไป
เพียงไม่นาน ทุกคนก็ดูออก เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่านหยางตั้งใจปฏิเสธหลี่ซู่เฟิน
แม้ว่าเหม่ยหวากรุ๊ปจะเฉิดฉายดั่งดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังถือว่าอ่อนประสบการณ์ หากจะเทียบกับเศรษฐีอันดับหนึ่งในฮ่านหยาง ใครแข็งแกร่งกว่าใคร ในใจของทุกคนย่อมรู้ดี
ภายในห้องโถงหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อพื้นที่ที่เป็นศูนย์รวมของเหม่ยหวากรุ๊ปค่อยไร้ซึ่งผู้คน
ทุก ๆ คน ล้วนทิ้งห่างความสัมพันธ์กับเหม่ยหวากรุ๊ป
หลี่ซู่เฟินถูกเหล่าหัวกะทิในฮ่านหยางทอดทิ้งซะแล้ว !
เฉินโม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่เงียบ ๆ จิตสังหารปรากฏขึ้นในแววตา
ทันใดนั้นเอง คุณชายหลิวและทายาทเศรษฐีคนอื่น ๆ ที่เข้าไปคารวะว่านฉางหรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามาหาเฉินโม่
“ไอ้ขยะอย่างแกเห็นแล้วใช่ไหม ว่าถ้าพวกแกทำให้ตระกูลว่านขุ่นเคืองใจเมื่อไหร่ พวกแกก็จบสิ้นแล้ว เดี๋ยวไอ้ขยะอย่างแกก็ต้องไปเดินขออาหารแล้ว ดูสิว่าแกจะยังทำตัวหยิ่งผยองได้อีกนานแค่ไหน !” คุณชายหลิวใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันโหดเหี้ยม
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้แต่ยืนกอดอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น