แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 291
บทที่ 291
วันรุ่งขึ้น เป็นวันส่งท้ายปีเก่า เวลาเก้าโมงเช้า สวีจื่อหาวมารับเฉินโม่ที่ประตูทางเข้าชุมชน แล้วมุ่งหน้าไปที่โรงแรมอู่หวง
“หูเจี้ยนหวาแค่จัดงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ระหว่างเพื่อนนักเรียน ก็ต้องจัดอยู่ในโรงแรมของครอบครัวตนเอง คงกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าโรงแรมห้าดาวแห่งเดียวในอำเภอเฟิ่งซานนั้นเป็นของครอบครัวเขา” สวีจื่อหาวอดไม่ได้ที่จะบ่น
เฉินโม่ไม่พูดอะไร นึกถึงคนและเหตุการณ์ต่าง ๆ เมื่อชาติก่อนอย่างเงียบ ๆ
ไม่นาน รถก็มาจอดอยู่ที่ทางเข้าโรงแรมอู่หวง
อาคารที่งดงามเป็นอันดับหนึ่งในอำเภอเฟิ่งซาน หูเหวินเหว่ยพ่อของหูเจี้ยนหวา เป็นคนที่มีอิทธิพลกว้างขวาง และรู้จักกับผู้มีอิทธิพลมากมาย
หูเจี้ยนหวามักจะทำตัวหยิ่งยโสในอำเภอเฟิ่งซาน เพราะเขามีทุนที่จะหยิ่งยโสได้จริง ๆ
เฉินโม่เดินตาม สวีจื่อหาวเข้าไปในโรงแรม แล้วขึ้นไปที่ชั้นสามทันที งานเลี้ยงสังสรรค์คราวนี้อยู่ที่หอจวี้เซียงบนชั้นสาม
ชั้นสามเป็นห้องอาหารของโรงแรม ซึ่งมีห้องอาหารแบบตะวันตกและห้องอาหารจีน ส่วน หอจวี้เซียงเป็นห้องอาหารจีน เป็นรสชาติแบบกวางตุ้งและหูหนาน
หูเจี้ยนหวาต้องการโอ้อวด จึงเหมาห้องอาหารหอจวี้เซียง ตอนนี้มีชายหนุ่มและหญิงสาวสิบกว่าคนอยู่ในห้องอาหารขนาดใหญ่
เฉินโม่เหลือบมองจากระยะไกล พบว่าคนที่เขารู้จักนั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ น่าเป็นเพื่อนนักเรียนมัธยมปลายของหูเจี้ยนหวาและถานชิวเซิง ส่วนถานชิวเซิงยังมาไม่ถึง
ยังไม่ทันได้เข้าไปในห้องอาหาร เฉินโม่ได้ยินคนตะโกนว่า “คุณชายหู ได้ยินว่าช่วงที่ผ่านมานั้นคุณไปทำธุรกิจที่เมืองอู่โจวใช่ไหม? เป็นไงบ้าง? เล่าให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหม?”
หูเจี้ยนหวาเป็นคนที่รูปร่างที่ไม่สูง และหน้าตาอัปลักษณ์เล็กน้อย เขากำลังดื่มเหล้าและนั่งไขว่ห้าง หรี่ตาและกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “อู่โจว เป็นสถานที่ซ่อนคนเก่งไว้มากมายจริง ๆ ถ้าพวกเราชาวอำเภอเฟิ่งซานเทียบกับพวกเขาแล้ว มันก็เหมือนกบในกะลา”
เพื่อนนักเรียนสองคนสนใจคำพูดของหูเจี้ยนหวาและถามอย่างคาดหวังว่า “มีคนใหญ่โตในอู่โจวเป็นคนพวกไหนบ้าง? รีบเล่าให้พวกเราฟัง!”
หูเจี้ยนหวาเงยหน้าขึ้น หรี่ตาแล้วมองท้องฟ้าสี่สิบห้าองศา เสแสร้งและกล่าวว่า “พวกคุณเคยได้ยินคนชื่อฉู่เหวินสง ผู้ทรงอิทธิพลของอู่โจวไหม?”
เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่ส่ายศีรษะ
“ฮ่า ๆ เขาเป็นคนที่ไม่เห็นแม้กระทั่งท่านนายอำเภอของพวกเราอยู่ในสายตา!” หูเจี้ยนหวากล่าวด้วยความภูมิใจ
“เขามีอิทธิพลมากขนาดนั้นเชียวเหรอ? ไม่เห็นแม้กระทั่งท่านนายอำเภออยู่ในสายตา!” เพื่อนนักเรียนบางคนอุทาน
“คุณชายหู คุณได้พบผู้ทรงอิทธิพลคนนี้แล้วหรือ?” เพื่อนนักเรียนถาม
“ไม่เคย!” หูเจี้ยนหวาตอบอย่างฉะฉาน
“……”
เพื่อนนักเรียนบางคนรู้สึกเหยียดหยามเขาเล็กน้อย ไม่เคยเห็นแล้วยังมีหน้ามาคุยโอ้อวดอีก!
หูเจี้ยนหวากล่าวต่อไปว่า “แต่ผมเคยเห็นคนที่สุดยอดกว่าลูกพี่ฉู่ แม้แต่ลูกพี่ฉู่เห็นพวกเขาแล้วยังต้องโค้งคำนับ!”
เพื่อนนักเรียนรู้สึกสนใจอีกครั้ง “ใครหรือ? ที่สุดยอดกว่าลูกพี่ฉู่เสียอีก!”
เมื่อมองสีหน้าของเพื่อนนักเรียนที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง หูเจี้ยนหวาหัวเราะและตอบสนองความอยากรู้ของทุกคน เขากล่าวว่า “คุณพวกเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลจินแห่งฮ่านหยางไหม?”
เพื่อนนักเรียนส่วนใหญ่ส่ายศีรษะ มีเพื่อนนักเรียนสองคนกำลังครุ่นคิด ราวกับว่าพวกเขาเคยได้ยินชื่อของตระกูลจิน
ใบหน้าของหูเจี้ยนหวาเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ฮ่านหยางมีจิน หนานซูมีเฉิน หลู่ตงมีข่ง เจียงหนานมีมู่หรง! คิดว่าพวกคุณน่าจะไม่เคยได้ยินสี่ประโยคนี้ใช่ไหม?”
เพื่อนนักเรียนพยักหน้าอีกครั้ง แล้วมองไปที่หูเจี้ยนหวาด้วยสายตาชื่นชม
“สี่ประโยคนี้หมายถึงตระกูลใหญ่ในสี่มณฑลที่อยู่ใกล้ฮ่านหยาง ตระกูลจินเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในฮ่านหยาง คราวนี้ผมไปอู่โจว และผมได้พบจินเคอหนิงลูกชายคนโตของตระกูลจิน!” เมื่อพูดถึง จินเคอหนิงแล้ว สีหน้าของหูเจี้ยนหวาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“คุณชายหู หมายความว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลใหญ่ที่สุดในมณฑลฮ่านหยางของพวกเราใช่ไหม!”
เพื่อนนักเรียนทุกคนต่างมองหูเจี้ยนหวาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชม!
หูเจี้ยนหวาแสร้งทำเป็นถ่อมตนและกล่าวว่า “ถือว่าใช่!”
หลังจากฟังหูเจี้ยนหวาพูดโอ้อวดจบแล้ว เฉินโม่และสวีจื่อหาวก็เดินเข้าไป สิ่งที่ทำให้เฉินโม่นึกไม่ถึงก็คือ หูเจี้ยนหวาสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลจินได้จริง ๆ
“นึกไม่ถึงว่าเครือข่ายความสัมพันธ์ของคุณชายหูได้กระจายไปยังตระกูลจินแล้ว สุดยอดมาก!” สวีจื่อหาวกล่าวขณะที่เดินเข้ามา