แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 296
บทที่ 296
“ชิวเซิงได้ยินหูเจี้ยนหวาบอกว่านายไปที่อู่โจว เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? นายรีบเล่าให้พวกเราฟัง บางทีพวกเราอาจช่วยได้!” สวีจื่อหาวไม่ได้สตาร์ทรถทันที แต่มองถานชิวเซิงด้วยท่าทางกังวลและเอ่ยถาม
เฉินโม่มองถานชิวเซิงด้วยความอยากรู้เช่นกัน แต่เขาเดาคร่าว ๆ ได้แล้ว
ถานชิวเซิงเหลือบมองทั้งสองคน สีหน้าของเขาก็มืดมนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของวัยรุ่นและความเย่อหยิ่งเมื่อสักครู่ ตอนนี้ได้หายไปนานแล้ว
“เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถพูดให้เข้าใจได้ในประโยคเดียว!”
“พวกนายสองคนรู้ว่าครอบครัวของฉันเปิดโรงแรมเหมือนกัน และเป็นศัตรูตัวฉกาจของครอบครัวหูเจี้ยนหวาช่วงก่อนพ่อของฉันได้ยินมาว่า หูเหวินเหว่ยพ่อของหูเจี้ยนหวาได้ไปขยายธุรกิจที่อู่โจว ดังนั้นจึงรีบตามไปด้วย”
“อำเภอเฟิ่งซานของพวกเราเป็นอำเภอเล็ก ๆ ถ้าตระกูลหูได้รับการสนับสนุนจากคนใหญ่โตของอู่โจวแล้ว งั้นตระกูลถานของพวกเราจะต้องจบเห่อย่างแน่นอน ฉันได้ยินว่า หูเจี้ยนหวาไปที่อู่โจว ดังนั้นฉันจึงคิดว่าจะลองไปเสี่ยงดวงที่อู่โจวด้วย เพื่อดูว่าจะสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงลูกเศรษฐีของอู่โจวได้ไหม และหาผู้สนับสนุนด้วย”
“แต่……”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของถานชิวเซิงเต็มไปด้วยความอัปยศอดสู และยากที่จะพูดออกมา
เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนสนิท ไม่มีใครหัวเราะเยาะนายหรอก มีอะไรก็พูดออกมาเถอะ”
“เสี่ยวโม่ นายไม่รู้ อย่ามองว่าฉันคนที่มีหน้าตาในอำเภอเฟิ่งซาน แต่ตอนที่ฉันขับรถออดี้ เอ6 ไปที่บาร์เพื่อพบคุณชายใหญ่ของตระกูลจิน แล้วฉันยังเตรียมของขวัญมูลค่าสองหมื่นหยวนไปด้วย นายรู้ไหมว่าคุณชายจินและลูกเศรษฐีในเมืองอู่โจวพูดอย่างไร?”
“พวกเขาบอกว่าฉันเป็นคนบ้านนอก และคนอย่างฉันยังอยากจะเข้าไปอยู่ในแวดวงของพวกเขา ไม่ส่องกระจกดูเงาตนเอง แล้วบอกให้ฉันนำของขวัญขยะนั้นกลับมาด้วย อย่ามาอับอายขายหน้าอยู่ที่นี่!”
“ฮ่า ๆ ของขวัญมูลค่าสองหมื่นกว่าถูกพวกเขาเรียกว่าขยะ! งั้นฉันก็กลายเป็นคนบ้านนอกแล้ว นายไม่รู้ว่าตอนนั้นสายตาที่พวกเขามองฉัน มันเหมือนกับคนที่มองหมาพันธุ์ปั๊กที่พยายามเอาอกเอาใจพวกเขา!”
“ฉันสาบานว่าชาตินี้ฉันจะไม่มีวันลืมสายตาที่พวกเขามองฉัน ความอัปยศแบบนั้นทำให้ฉันอยากจะแทรกแผ่นดินหนี!”
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง แต่สวีจื่อหาวและเฉินโม่ก็สามารถจินตนาการถึงสถานการณ์ของถานชิวเซิงในตอนนั้นได้ ถานชิวเซิงเป็นคนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตนเองมาก และการถูกโจมตีขนาดนั้น มันทรมานกว่าการฆ่าเขาเสียอีก
“ไอ้พวกสารเลว! รังแกคนมากเกินไปแล้ว!” สวีจื่อหาวทุบพวงมาลัยรถ
สีหน้าของเฉินโม่เคร่งขรึม ชาตินี้เขาได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ มันเป็นการชดเชยความเสียใจจากชาติที่แล้ว เพื่อให้ญาติและเพื่อนของตนเองปลอดภัยและมีความสุข และไม่ถูกคนอื่นรังแก
อย่างไรก็ตามถานชิวเซิงถูกคนพวกนี้ทำให้อับอายขายหน้ามากขนาดนั้น ซึ่งมันเป็นการแตะเส้นตายของเฉินโม่
“นายวางใจเถอะ ฉันจะไปหาตระกูลจิน แล้วขอให้พวกเขาให้กับคำอธิบายกับนาย!” สีหน้าของเฉินโม่เย็นชา หากไม่ใช่เพราะคนที่ล่วงเกินถานชิวเซิงเป็นตระกูลจิน เฉินโม่จะสั่งให้เฉินซงจื่อจัดการถึงที่ทันที
ถานชิวเซิงรู้สึกตกใจและรีบกล่าวว่า “เสี่ยวโม่ อย่าบุ่มบ่าม ลูกเศรษฐีพวกนั้นไม่ใช่คนที่พวกเราจะสามารถล่วงเกินได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลจิน! เรื่องนี้พวกนายไม่สามารถฉันได้หรอก ฉันไม่อยากให้พวกนายต้องมาเดือดร้อนด้วย!”
เฉินโม่มองถานชิวเซิงและรู้สึกโมโหเล็กน้อย “นายกลัวว่าพวกเราจะเดือดร้อน ดังนั้นนายถึงได้เลิกเป็นเพื่อนกับพวกเราใช่ไหม? นายจะให้ฉันด่าว่านายอะไรดี?”
ถานชิวเซิงก้มศีรษะด้วยความละอายใจ “ฉันไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ จึงต้องทำเช่นนี้ ฉันรู้ดีว่าถ้าพวกนายรู้ว่าเกิดเรื่องกับฉัน พวกนายจะต้องพยายามช่วยฉันอย่างแน่นอน แต่พวกนายไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้หรอก การเข้ามายุ่ง มีแต่จะทำให้พวกนายเดือดร้อน!”
“พวกนายไม่รู้ว่าตระกูลจินนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด ถ้าหากตระกูลจินสนับสนุนตระกูลหูจริง ๆ ครอบครัวของฉันจะต้องจบเห่อย่างแน่นอน พวกนายเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของฉัน แล้วฉันจะลากพวกนายเข้ามาเดือดร้อนได้อย่างไร?”