แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 309
บทที่ 309
วันที่สองของปีใหม่ ห้าม : เปิดตลาด ขยับแตะดิน ฝังศพ
ควร : เยี่ยมญาติพี่น้อง
วันนี้เป็นช่วงเวลาที่ทุกบ้านเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง แต่ทุกปีในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของครอบครัวเฉินโม่
มองดูเพื่อนบ้านพาลูกหลานไปเยี่ยมปู่ย่าตายาย ตั้งแต่เล็กจนโต เฉินโม่ทำได้แค่อิจฉาเท่านั้น
เฉินจิงเย่อยากจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองทำธุรกิจที่ดีให้คนอื่นได้เห็น ดังนั้นหลายปีมานี้นอกจากเฉินจิงเย่จะโทรหาตระกูลเฉินแห่งหนานซูแล้ว ก็แทบไม่เคยกลับไปเลย
ส่วนบ้านญาติฝั่งหลี่ซู่เฟิน แทบจะเข้ากันไม่ได้ ดังนั้นครอบครัวเฉินโม่ ในหลายปีมานี้จึงไม่มีญาติพี่น้องให้ไปเยี่ยมเยียน
ชีวิตก่อน ในตอนที่เฉินโม่ยังเด็กรู้สึกอิจฉาคนอื่นอย่างมาก งอแงจะไปบ้านของคุณยาย ไปบ้านของคุณลุง แต่ทุกครั้งหลี่ซู่เฟินมักจะแสดงแววตาที่เสียใจออกมาให้เห็น แล้วแอบร้องไห้ในห้องนอนตัวคนเดียวอยู่นาน
เมื่อเฉินโม่โตแล้ว ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องเยี่ยมญาติพี่น้องอีกเลย
เฉินจิงเย่สนใจเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น ในขณะที่ดำรงตำแหน่งก็ซื่อสัตย์อย่างมาก พูดให้ชัดเจนก็คือแข็งกระด้าง ดังนั้นหลายปีมานี้จึงไม่ได้สานสัมพันธ์เพื่อนกับใครมากนัก
ส่วนหลี่ซู่เฟินเอาแต่สนใจจะพัฒนาในเมืองฮ่านหยาง ดังนั้นในอำเภอเฟิ่งซานจึงไม่รู้จักใครเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีคนมาสวัสดีปีใหม่ที่บ้านตระกูลเฉิน
ดังนั้นเมื่อถึงช่วงปีใหม่ ตระกูลเฉินก็เหมือนกับว่าถูกทั้งโลกทิ้งให้โดดเดี่ยว
สถานการณ์เช่นนี้ ไม่รู้ว่าลือไปถึงที่ทำงานของเฉินจิงเย่ได้อย่างไร ดังนั้นจึงได้กลายเป็นตัวตลกของทุกคน
ทุกครั้งที่ในอำเภอเรียกประชุม คนพวกนั้นที่มีปัญหากับเฉินจิงเย่ก็มักจะเอาเรื่องนี้มาเยาะเย้ยเฉินจิงเย่ พูดว่าเฉินจิงเย่เป็นคนโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง ไม่มีแม้แต่เพื่อนสักคน ทำห้เฉินจิงเย่อับอายขายหน้า แล้วก็ไม่สามารถเถียงกลับได้อีกด้วย
ชีวิตก่อน เฉินโม่ยังเคยแอบโทษที่เฉินจิงเย่ขี้ขลาด แต่หลังจากที่เกิดใหม่ เขาถึงได้เข้าใจว่าภายในใจของเฉินจิงเย่แข็งแกร่งมากเพียงใด พอคนนี้ของตัวเอง ที่จริงแล้วมีชีวิตเหนื่อยมากกว่าใครทุกคน
ช่วงเช้า ครอบครัวเฉินโม่รวมตัวกันทานข้าว วันนี้มีเฉินซงจื่อ เอียนชิงเฉิงและซังซัง ทั้งสามคนเพิ่มขึ้นมา ปีใหม่ครั้งนี้ครึกครื้นมากกว่าปีก่อนๆมาก
เฉินจิงเย่และหลี่ซู่เฟินเองก็มีรอยยิ้มเพิ่มมากขึ้น เฉินโมเองก็รู้สึกดีใจ
เพิ่งทานข้าวเสร็จ ก็มีคนโทรหาเฉินจิงเย่
หลังจากที่เฉินจิงเย่รับสายเสร็จ สีหน้าก็ดูแปลกประหลาด
หลี่ซู่เฟินถามว่า “ใครโทรมาหรอ?”
“ท่านนายอำเภอเหมย บอกว่าวันนี้จะจัดงานเฉลิมฉลองที่สถานที่พักรับรองของอำเภอ สั่งให้บุคลากรระดับสารวัตรกำนันขึ้นไปของอำเภอเฟิ่งซาน พาครอบครัวไปร่วมงาน”
หลี่ซู่เฟินสีหน้าแปลกใจ “นายอำเภอของพวกนายกินยาผิดหรือไง? วันที่สองของปีใหม่จะจัดงานเฉลิมฉลองอะไรกัน?”
“เห็นบอกว่าเพื่อเฉลิมฉลองที่จินเคอกรุ๊ปเข้าพักอาศัยในอำเภอเฟิ่งซาน ถึงได้จัดงานฉลองอย่างกะทันหัน” เฉินจิงเย่พูดด้วยสีหน้าเอือมระอา
“ไม่ไปได้มั้ย?” หลี่ซู่เฟินถาม
เฉินจิงเย่พูดอย่างอึดอัดว่า “มันจะไม่ค่อยดีนะสิ ยังไงซะก็ท่านนายอำเภออุตส่าห์มาชวน”
“ก็ได้ ยังไงซะบ้านเราก็ว่าง ไปก็ไป!” หลี่ซู่เฟินพูด
“อือ พวกเราแต่งตัวแล้วรีบไปกันเถอะ” ยังไงซะก็ท่านนายอำเภอเป็นคนมาชวนด้วยตัวเอง เฉินจิงเย่จึงให้ความสำคัญมาก
เฉินจิงเย่เปลี่ยนชุดสูทสีดำ หลี่ซู่เฟินสวมชุดราตรีสีแดง ดูดีมีระดับและสวยงาม
เดิมทีเฉินโม่ไม่อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ถูกเฉินจิงเย่บังคับให้เปลี่ยนชุดสูท การแต่งตัวเช่นนี้ทำให้เวินฉิง เอียนชิงเฉิงและซังซัง หญิงสาวทั้งสามคนถึงกับตาเป็นประกาย
“เสี่ยวโม่ ไม่คิดเลยว่านายแต่งตัวแล้วก็ดูหล่อมากนะเนี่ย!” เวินฉิงพูดหยอกล้อ
หลี่โม่สีหน้าเบื่อหน่าย เขาไม่เคยสนใจรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองมาก่อน เนื่องจากถ้าหากก้าวเข้าสู่แดนจิตปฐมแล้ว ผู้บำเพ็ญสามารถเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของตัวเองได้ตามใจชอบ ดังนั้นผู้บำเพ็ญตนมองแค่ความสามารถ ไม่มองหน้าตา
เฉินซงจื่ออยู่บ้านกับพวกเวินฉิงทั้งสามคน เฉินโม่เดินทางไปยังสถานที่พักรับรองของอำเภอพร้อมกับพ่อแม่
สถานที่พักรับรองของอำเภอเก่ามาก ภายในห้องบรรจุคนได้ไม่มากเท่าไหร่นัก ดังนั้นงานฉลองจึงจัดที่สวนสนามภายนอกสถานที่พักรับรอง
ดีที่วันนี้เป็นวันฟ้าอากาศแจ่มใส สถานที่ได้จัดตกแต่งเสร็จแล้ว มีโต๊ะจีนที่ปูผ้าสีแดงไว้หลายสิบโต๊ะ มีพรมแดง มีโคมแดงแขวนไว้ ช่างดูรื่นเริงมงคลอย่างมาก