แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 311
บทที่ 311
เฉินจิงเย่ไม่ได้พูดอะไร แต่หลี่ซู่เฟินเอ่ยปากพูดอย่างไม่พอใจว่า “คุณสารวัตรกำนันหวางพูดแรงเกินไปแล้วค่ะ เด็กพูดตรงไม่คิดก่อน ทำให้คุณไม่พอใจ แต่คงไม่ต้องใส่ร้ายรุนแรงกันขนาดนี้หรอกนะคะ!”
หลี่ซู่เฟินทำงานในห้างคนเดียวมานานหลายปี ด้านวิธีการพูดจาจัดการปัญหาทำได้ดีกว่าเฉินจิงเย่มาก ในประโยคเดียว พูดจานุ่มๆแต่เจ็บ รายละเอียดครบครัน
กำนันหลี่และสารวัตรกำนันฉีที่อยู่ด้านข้าง มองหลี่ซู่เฟิน ความชื่นชมในแววตาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
สีหน้าของสารวัตรกำนันหวางดูไม่พอใจ เดิมทีคิดอยากจะแสดงอำนาจใส่เฉินจิงเย่สักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าเฉินจิงเย่จะมีภรรยาที่เก่งเช่นนี้
“ลูกชายของผมอายุสิบห้า พบเจอผู้หลักผู้ใหญ่ก็รู้จักทำความเคารพทักทาย แต่ดูสภาพลูกชายคุณแล้ว ปีนี้คงจะสิบแปดแล้วสินะครับ หรือว่ายังไม่รู้จักกาลเทศะมากเท่าลูกชายอายุสิบห้าของผมหรือครับ?” สารวัตรกำนันหวางเองก็ขี้เกียจเสแสร้งต่อไปแล้ว จึงพูดจาโจมตีเฉินโม่โดยตรง
หลี่ซู่เฟินยิ้มเยาะ “การเคารพรักเด็กและคนแก่เป็นวัฒนธรรมที่สวยงามแต่โบราณของหัวเซี่ยเรา แต่ถ้าหากมีคนแก่ที่ไม่น่าเคารพ อย่างนั้นการกระทำของลูกชายฉันก็คือการเกลียดชังค่ะ!”
“เธอว่าใครเป็นคนแก่ไม่น่าเคารพ?” สารวัตรกำนันหวางเถียงหลี่ซู่เฟินไม่ไหวจึงโมโห
เมื่อเห็นว่ากำลังจะทะเลาะกันแล้ว กำนันหลี่จึงรีบห้ามปรามว่า “พอแล้วๆ ปีใหม่ทั้งทีอย่าเถียงกันเลย!อย่าให้คนของอำเภออื่นมาหัวเราะเยาะเรา”
กำนันหลี่พูดเอง สารวัตรกำนันหวางถึงได้ยอมหยุด แต่ในแววตาที่มองไปยังครอบครัวเฉินจิงเย่ทั้งสามคน แอบมีความโมโหอยู่ด้วย
จากนั้นก็ทุกคนก็คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป นายอำเภอเหมยเองก็งานยุ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก้มมองดูเวลาแล้วก็เดินขึ้นเวที หยิบไมค์ขึ้นพูดว่า “ทุกท่านกรุณาเงียบสักครู่ ทุกคนมากันหมดแล้วใช่ไหม? กำนันทุกๆท่านกรุณาลุกขึ้นด้วย ฉันขอเช็กชื่อหน่อย”
อำเภอเฟิ่งซานมีเก้าเมืองสามตำบล กำนันของแต่ละตำบลต่างก็ลุกขึ้น รวมทั้งกำนันหลี่ของโต๊ะเฉินโม่ด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนมาครบแล้ว นายอำเภอเหมยก็ยิ้มร่ามากกว่าเดิม แล้วพูดต่อว่า “ทุกท่านนั่งลงเถอะ”
“ขอให้ทุกท่านมาในช่วงระยะเวลาวันหยุด ผมเองก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก แต่ว่าวันนี้ถือเป็นวันสำคัญของอำเภอเฟิ่งซานของเรา ดังนั้นในฐานะเจ้าหน้าที่ปกครองของอำเภอเฟิ่งซาน พวกนายจำเป็นต้องรับรู้ร่วมกันกับข่าวดีเรื่องนี้!”
ล่างเวที ทุกคนต่างก็ซุบซิบคุยกันคาดเดาถึงข่าวดีเรื่องที่ทำให้นายอำเภอเหมยตื่นเต้นดีใจเช่นนี้ ว่าคือเรื่องอะไรกันแน่?
หรือว่าเป็นเพราะเรื่องที่จินเคอกรุ๊ปเข้ามาอาศัยอย่างนั้นหรอ? ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้นี่นา!
นายอำเภอเหมยพูดต่อไปว่า “ทุกคนคงจะกำลังคาดเดากันอย่างแน่นอน ว่าเรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้ฉันรวมตัวคนเยอะมากมายเช่นนี้? ฉันเองก็จะไม่อ้อมค้อมแล้ว ที่จริงแล้วในสายที่โทรไปฉันก็ได้บอกกับพวกนายแล้ว นั่นก็คือจินเคอกรุ๊ปเข้ามาอาศัยอยู่ในอำเภอเฟิ่งซานของเรา!”
นายอำเภอเหมยยิ้มลึกลับ พูดว่า “บางทีอาจจะมีคนอยากถามว่าจินเคอกรุ๊ปเป็นใคร? การเข้ามาอาศัยของพวกเขามีความคุ้มค่ามากพอให้พวกเรารวมตัวมากมายเช่นนี้หรือ?”
“ตอนนี้ฉันขอบอกกับพวกนายอย่างชัดเจนว่า คุ้มค่า คุ้มค่ามากๆ! เพราะว่าจินเคอกรุ๊ปก็คือธุรกิจของคุณชายใหญ่จินจากตระกูลจินแห่งเมืองฮ่านหยาง นับจากทั่วทั้งหัวเซี่ยสามารถจัดอันดับอยู่ในร้อยอันดับแรก!”
สถานที่จัดงานที่วุ่นวาย เงียบสงบในทันใด
ในฐานะบุคลากรทางรัฐ จึงอ่อนไหวต่ออำนาจของตระกูลมหาอำนาจอย่างมาก ความหมายของคำว่าตระกูลจินแห่งเมืองฮ่านหยาง ทุกท่านที่อยู่ในงานต่างก็รู้ดีกว่าใคร
สิ่งนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาทำได้เพียงแค่เงยหน้ามองดูเท่านั้น!
นายอำเภอเหมยพอใจกับปฏิกิริยาของทุกคนอย่างมาก แล้วพูดต่อไปว่า “ไม่พูดถึงอำนาจของจินเคอกรุ๊ป เพียงแค่ตระกูลจินแห่งเมืองฮ่านหยางเข้าพักอาศัยในอำเภอเฟิ่งซานของเรา พวกนายจินตนาการได้หรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไรต่ออำเภอเฟิ่งซานของเรา?”
เสียงของนายอำเภอเหมยดังมากขึ้น ถามเองตอบเองว่า “หมายความว่าผู้นำเมืองอู่โจวจะให้ความสำคัญต่ออำเภอเฟิ่งซานของเรา หมายความว่าอนาคตอำเภอเฟิ่งซานของเรามีความสัมพันธ์ต่อตระกูลจินแห่งเมืองฮ่านหยาง!
นายอำเภอเหมยพูดจบ ทุกคนด้านล่างก็ส่งเสียงร้องยินดีออกมา ตระกูลจินแห่งฮ่านหยางเชียวนะ!สามารถมีความสัมพันธ์กับตระกูลจินแห่งฮ่านหยาง เมื่อก่อนคนพวกนี้แค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย
เป็นเหมือนกับความฝันที่เอื้อมไม่ถึง แต่อยู่มาวันหนึ่งจู่ๆก็สมปรารถนาอย่างมึนงง จึงทำให้ทุกคนทำตัวไม่ถูก!