แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 351
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 351
ผมของอานเข่อเยว่ที่เดิมทีมัดหางม้าขึ้น ตอนนี้ปล่อยสยาย เส้นผมพัดปลิวไปตามสายลมอ่อน
น่าจะเป็นเพราะช่วงปีใหม่กินของหวานมาเยอะ รูปร่างของอานเข่อเยว่อ้วนขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ไม่เป็นปัญหากับรูปร่างทรวดทรงของเธอ แต่กลับทำให้ดูอวบอิ่มเพิ่มมากขึ้น
นึกถึงงานพนันหินหยก ฐานะการเงินที่เฉินโม่เปิดเผยให้เห็น นั่นมันเงินร้อยล้านเชียวนะ อานเข่อเยว่หายใจแรงขึ้น หายใจกระเพื่อม
เดิมทีเธอมีความรู้สึกดูถูกเฉินโม่ คิดว่าเฉินโม่แค่พึ่งพาบริษัทของแม่ตัวเอง และเป็นลูกคนรวยเหลวไหลที่ไม่รู้จักเรียนรู้การศึกษา
เมื่อเทียบกับเจิ้งหยวนฮ่าวที่โดดเด่นทั้งฐานะและการศึกษาแล้ว ก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้น
แต่หลังจากงานพนันหินหยกแล้ว ภาพลักษณ์ของเฉินโม่ที่อยู่ในใจอานเข่อเยว่ ก็ได้สูงส่งขึ้นกว่าเดิมทันที ถึงขั้นที่ดูมีความลึกลับอย่างหนึ่ง
แม้ว่าในใจอานเข่อเยว่ก็ยังคิดว่าเฉินโม่เทียบกับเจิ้งหยวนฮ่าวไม่ได้ แต่เผลอผ่านไปโดยไม่รู้ตัว แรงดึงดูดของเฉินโม่ที่มีต่ออานเข่อเยว่ก็ได้มากเกินกว่าเจิ้งหยวนฮ่าวไปแล้ว
แม้ว่าอานเข่อเยว่จะเป็นคนที่สงบเสงี่ยม และความคิดโตกว่าหญิงสาวในวัยเดียวกัน แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปด แล้วความรู้สึกลึกลับในตัวเฉินโม่ มีแรงดึงดูดอย่างมากสำหรับหญิงสาววัยนี้
ตอนนี้ อานเข่อเยว่ไม่ต้องให้คุณแม่เหมยถิงพูดเตือนแล้ว แต่เธอคิดอยากจะพูดคุยสานสัมพันธ์กับเฉินโม่ด้วยใจจริง แล้วสำรวจดูว่าในตัวเฉินโม่มีความลับอะไรอยู่กันแน่
“นาย….”
อานเข่อเยว่กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่เฉินโม่ทำแค่พยักหน้าให้เธอเล็กน้อย ไม่หยุดสายตามองเธอเลย แล้วก็เดินจากไป
ลมพัดผ่าน แม้ว่าลมของต้นฤดูใบไม้ผลิจะไม่มีความหนาวเย็นยะเยือกแล้ว แต่ภายในใจของอานเข่อเยว่ก็ความรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นมา ไม่ใช่ความรู้สึกเย็นธรรมดา แต่เป็นความรู้สึกหนาวเย็นที่มีความผิดหวังรวมอยู่ด้วย
ปากเล็กของอานเข่อเยว่อ้าค้างเล็กน้อย มือเล็กสวยงามนิ่งค้างกลางอากาศ มองดูแผ่นหลังของเฉินโม่ที่จากไป นิ่งค้างพูดไม่ออกอยู่นาน
“หรือว่าฉันในสายตานาย ได้กลายเป็นคนที่แค่พยักหน้าทักทายเล็กน้อยก็พอแล้วงั้นหรอ?”
เมื่อนึกถึงชายหนุ่มที่คอยตามติดตามเอาใจเธอมาตลอดคนนั้น จู่ๆอานเข่อเยว่ก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
ตอนได้มาไม่รู้จักรักษาไว้ ตอนเสียไป ถึงได้รู้ว่ามาเสียใจเอาตอนนี้ก็สายไปแล้ว
“ไม่ ฉันไม่เชื่อ นายจะต้องเสแสร้งออกมาแน่นอน เพื่อจงใจเรียกความสนใจจากฉัน”
ในแววตาของอานเข่อเยว่ มีความมั่นใจเผยออกมา นี่คือความภาคภูมิของดาวโรงเรียนจากโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว
แต่น่าเสียดาย เธอไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเฉินโม่ ว่าเป็นที่ภาคภูมิใจของผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพ มิใช่สิ่งที่มีรูปลักษณ์ภายนอกสวยงามก็จะมาเปรียบเทียบได้?
โลกฝึกเซียนทั้งหมื่น เทพธิดาพวกนั้นยังไม่สามารถทำให้เฉินโม่หวั่นไหวได้ แล้วหญิงสาวโลกมนุษย์ที่หมดความสาวโดยเร็วอย่างเธอ เพียงพริบตาก็กลายเป็นเถ้ากระดูก จะสามารถเข้าในสายตาของเฉินโม่ได้อย่างไร?
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่บุญคุณของอาอานในชาติที่แล้ว เฉินโม่คงจะไม่สนใจแม่ลูกตระกูลอานแน่นอน
ห้องเรียนชั้นมัธยมหกห้องหก ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน
ด้านหลังห้องเรียน ตำแหน่งที่นั่งเดิมของเฉินโม่ จ้าวกางมองหลินทาวอย่างโมโห “หลินทาว นายอย่าให้มันมากเกินไปนะ!รอเฉินโม่กลับมา นายได้เจอดีแน่!”
หลินทาวใช้ปากกาดำวาดรูปเล่นบนโต๊ะของเฉินโม่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะ “ไอ้ขยะนั้นยังกล้ากลับมา? ถึงมันจะกลับมาแล้วจะทำอะไรฉันได้? ตอนนี้ฉันเป็นคนที่เฉินไต้ซือปกป้องอยู่!”
เพื่อนนักเรียนที่สนิทกับหลินทาว ต่างก็มองจ้าวกางแล้วพูดเยาะเย้ย
“ก็มีแค่เจ้าโง่พวกนี้ที่เชื่อว่าไอ้ขยะเฉินโม่คนนั้นจะกลับมาเท่านั้นแหละ!”
พวกจ้าวกางโมโหอย่างหนัก จำใจที่ตำแหน่งต่ำต้อย ไม่สามารถสู้หลินทาวได้
อีกอย่าง ช่วงนี้ในอู่โจวเอาแต่แพร่กระจายเรื่องเฉินไต้ซือ ข่าวลือว่าเฉินไต้ซือท่านนี้เพียงดาบเดียวก็ฆ่านับหมื่น สามารถควบคุมฟ้าดินได้ และฆ่าคนไม่กระพริบตา
ผู้มีชื่อเสียงทั่วทั้งมณฑลฮ่านหยาง ต่างก็เชื่อฟังอยู่ภายใต้อำนาจของเฉินไต้ซือ
ในตอนที่เปิดเทอม หลินทาวเขาก็ได้บอกว่าตัวเองรู้จักเฉินไต้ซือ ได้รับการปกป้องจากเฉินไต้ซือ ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ พวกจ้าวกางก็สู้กับเขาไม่ไหวอยู่ดี