แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 362
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 362
“ฉู่เหวินสง คุณอย่าอาศัยอำนาจรังแกคนอื่น! คุณมีสิทธิ์อะไรให้พวกเราออกไปจากเมืองอู่โจว?” หลินทาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ฉู่เหวินสงหรี่ตาลงเล็กน้อย “ประธานหลิน โปรดสั่งสอนลูกชายของคุณด้วย ถ้ายังพูดจาเหลวไหลอีก มันจะเป็นการเหยียดหยามผู้อาวุโส แล้วอย่าโทษว่าผมไม่เกรงใจล่ะ”
หลินเจิ้งหัวหันหน้าไปอย่างกะทันหัน แล้วตบไปที่หน้าของหลินทาว คำรามด้วยความโมโหว่า “หุบปากซะ!”
ความน่าสะพรึงกลัวของฉู่เหวินสงนั้นไม่เพียงแค่ที่เห็นผิวเผินเท่านั้น อย่าว่าแต่สามวัน ตระกูลหลินต้องไสหัวออกไปภายในหนึ่งวัน
หลินทาวมองพ่อตนเองด้วยความอึ้ง เขาถูกตบจนมึน ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อถึงได้ตบหน้าตนเอง
ตอนนี้หลินเจิ้งหัวรู้สึกเสียใจมาก เขารู้ดีว่าลูกชายของตนเองเป็นคนแบบไหน และเขาไม่ควรรับปากว่าจะออกหน้าแทนเขาตั้งแต่แรก เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็นคนบ้านนอกที่มาจากอำเภอเล็ก ๆ เท่านั้น ทำไมชั่วพริบตาเดียว เขาก็กลายเป็นคนที่แม้แต่ฉู่เหวินสงผู้ทรงอิทธิพลของอู่โจวยังต้องอ่อนน้อมถ่อมตนได้อย่างไร?
ถ้าล่วงเกินฉู่เหวินสงแล้ว ตระกูลหลินจบสิ้นอย่างแน่นอน
เมื่อเขาคิดว่าเป็นเพราะลูกชายที่ไม่เอาถ่านของตนเอง ที่ทำให้ตนเองล่วงเกินฉู่เหวินสงหลินเจิ้งหัวแทบอยากจะตีหลินทาวให้ตาย เนื่องจากเขามีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกหลายคน ถ้าตายไปคนหนึ่งก็ไม่เป็นไร
ฉู่เหวินสงพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา “คุณเฉินเป็นผู้มีพระคุณของฉัน นึกไม่ถึงว่าลูกชายเวรแกกล้าทำให้คุณเฉินอับอายขายหน้าเช่นนี้ ซึ่งเท่ากับเป็นศัตรูกับฉันฉู่เหวินสง!”
ต่อหน้าพ่อของหลินทาวแล้ว การด่าหลินทาวว่าเป็นลูกเวร ซึ่งมีแต่ฉู่เหวินสงเท่านั้นที่กล้าด่าเช่นนี้!
แต่หลินเจิ้งหัวไม่กล้าแม้แต่จะโกรธ แล้วยังขอโทษฉู่เหวินสงด้วยรอยยิ้ม
“ท่านฉู่ ลูกเวรของผมไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร หลังจากกลับบ้านแล้วผมจะตีขาของเขาหัก และเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเด็ก ดังนั้นคุณอย่าไปใส่ใจเลย ผมขอโทษคุณแทนลูกชาย!” หลินเจิ้งหัวกล่าวด้วยรอยยิ้มประจบ
ฉู่เหวินสงเหลือบมองหลินเจิ้งหัวด้วยความเย็นชา “นายเป็นตัวอะไร? คู่ควรที่จะขอโทษฉันด้วยเหรอ?! ไสหัวออกไปให้พ้น!”
เมื่อสักครู่การที่ฉู่เหวินสงเรียกหลินเจิ้งหัวว่าเพื่อน เป็นเพราะว่าอารมณ์ดี และหลินเจิ้งหัวก็ถือว่าตนเองเป็นเพื่อนเขาจริง ๆ สำหรับฉู่เหวินสงและหลินเจิ้งหัวไม่สามารถถือเป็นอะไรได้สักอย่าง
ตอนนี้ หลินเจิ้งหัวล่วงเกินเฉินโม่ เขาถูกฉู่เหวินสงขึ้นบัญชีดำแล้ว ดังนั้นฉู่เหวินสงไม่จำเป็นต้องให้เกียรติเขาอีกต่อไป
สีหน้าของหลินเจิ้งหัวแดงก่ำด้วยความละอาย เขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา เหมือนตอนที่เขาใช้อำนาจกดขี่เฉินโม่เมื่อสักครู่ ตอนนี้ถึงตาของฉู่เหวินสงที่จะกดขี่เขาแล้ว
การที่ฉู่เหวินสงทำเช่นนี้ เพื่อแสดงทัศนคติของเขาต่อสองพ่อลูกตระกูลหลิน และเพื่อแสดงให้ผู้อำนวยการหยู่ดู เพื่อทำให้เขารู้ว่าไม่ต้องกลัวการคุกคามของหลินเจิ้งหัว
“ผู้อำนวยการหยู่คุณสามารถจัดการเรื่องนี้ได้เลย! ถ้าใครไม่พอใจ ก็ให้เขามาหาผม!” ฉู่เหวินสงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้อำนวยการหยู่ประสานมือแล้วคำนับให้ฉู่เหวินสง เพื่อแสดงความขอบคุณ แล้วมองไปที่หลินเจิ้งหัว ที่สีหน้าเต็มไปด้วยความละอาย จากนั้นมองหลินทาวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย และเฉินโม่ที่สีหน้าราบเรียบ
“หลินทาว ทำให้เพื่อนร่วมชั้นอับอายขายหน้า เจตนาสร้างปัญหา บันทึกทัณฑ์บนครั้งหนึ่ง และคุมประพฤติเป็นเวลาครึ่งปี!”
“ส่วนเฉินโม่ ถึงแม้จะเป็นการป้องกันตัว แต่ก็โต้เถียงครู ทำร้ายเพื่อนร่วมชั้น บันทึกทัณฑ์บนครั้งหนึ่ง และคุมประพฤติเป็นเวลาครึ่งปี!”
สีหน้าของหลินทาวขาวซีด เดิมทีวันนี้เขาให้พ่อของตนเองมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะปราบเฉินโม่ แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาจะโดนทัณฑ์บนหนึ่งครั้ง
หลินทาวรู้สึกไม่เต็มใจ เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉู่เหวินสง ถ้าเขามีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่สามารถกดขี่ฉู่เหวินสงได้ ผลลัพธ์นั้นไม่เป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน
“พวกคุณกับแบบนี้กับผมไม่ได้! ผมเป็นคนของตระกูลหลิน ซึ่งเป็นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งหลินโจว พวกคุณคิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลหลินเหรอ?”
คำพูดของหลินทาวทำให้หัวใจของหลินเจิ้งหัวหวั่นไหว ถูกต้อง! เขายังมีตระกูลหลินเป็นที่พึ่งพาอาศัย แม้แต่ฉู่เหวินสงก็ไม่กล้าไม่ให้เกียรติตระกูลหลิน
“คุณฉู่ ผู้อำนวยการหยู่เพื่อเห็นแก่หน้าตระกูลหลิน เรื่องนี้ให้มันจบแค่นี้เถอะ!” น้ำเสียงของหลินเจิ้งหัวแข็งขึ้นมาเช่นกัน
เฉินโม่และฉู่เหวินสงมองพวกเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“พวกนายไม่ได้ติดต่อตระกูลหลินมานานแค่ไหนแล้ว?” ฉู่เหวินสงถามทันที
หลินเจิ้งหัวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามด้วยความสงสัย “คุณฉู่ ถามเรื่องนี้ทำไม? ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ไปมาหาสู่กับตระกูลหลิน แต่ผมยังคงเป็นคนของตระกูลหลิน ถ้าผมมีปัญหา ตระกูลหลินไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว”
เฉินโม่มองหลินเจิ้งหัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตระกูลหลินที่คุณพูดถึงนั้นถูกผมทำลายไปแล้ว หากคุณต้องการขอความช่วยเหลือจากตระกูลหลิน งั้นก็ลงไปหาพวกเขาที่นรกเถอะ!”