แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 381
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 381
ทุกคนตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง สมแล้วที่เย่เทียนหนิงมีฉายาว่าหนุ่มบ้าระห่ำ น้ำเสียงที่พูดนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาถือว่ามู่หรงยานเอ๋อร์เป็นผู้หญิงของตนเองแล้ว ทำให้มู่หรงยานเอ๋อร์โกรธจนหน้าซีด
เจิ้งซิ่วลี่กล่าวเย้ยหยัน “คุณชายเย่คุณยังไม่รู้ใช่ไหม? เขาคือเฉินโม่! คือผู้ชายที่คุณยานเอ๋อร์กอดในงานฉลองประจำปีของโรงเรียนเมื่อวานนี้!”
คำพูดประโยคนี้ ทำให้สีหน้าของเย่เทียนหนิงเปลี่ยนไปอย่างมาก
ความจริงแล้ว มีคนรายงานเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับมู่หรงยานเอ๋อร์ในโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจให้เย่เทียนหนิงทราบ และเขารู้ว่าในงานฉลองประจำปีของโรงเรียนเมื่อวาน มู่หรงยานเอ๋อร์เป็นฝ่ายกอดผู้ชายที่ชื่อเฉินโม่ แต่เขาไม่รู้จักเฉินโม่ เขารู้เพียงแค่ว่าเฉินโม่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนไร้ประโยชน์ของโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจว
แต่เมื่อเจิ้งซิ่วลี่เตือนเขา เย่เทียนหนิงก็เข้าใจทันทีว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมู่หรงยานเอ๋อร์ ก็คือคนที่เป็นคู่แข่งความรักของเขา ที่เขาสาบานว่าจะจัดการอีกฝ่ายให้หนัก!
เย่เทียนหนิงกำหมัดทั้งสองไว้แน่น และมองเฉินโม่ด้วยรอยยิ้มกระหายเลือด อาชีพทหารของเขาทำให้เขามีบุคลิกที่ร้อนแรงและตรงไปตรงมา และเขาจะบดขยี้ทุกสิ่งที่เขาไม่ชอบ
“แกเป็นตัวอะไร กล้าแตะต้องแม้แต่ผู้หญิงของฉันเย่เทียนหนิง ใครให้ความกล้าหาญแก่แก!”
เสียงตะโกนดังลั่น ร่างกายของเย่เทียนหนิงระเบิดพลังที่ดุร้าย ซึ่งเป็นพลังของทหารที่ต่อสู้อยู่ในสมรภูมิรบเป็นเวลานานถึงจะมีพลังเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ก็ทำให้ว่าเย่เทียนหนิงแข็งแกร่งขนาดนี้
เจิ้งหยวนฮ่าวและหลายคนตกใจ พวกเขานึกไม่ถึงว่าหลังจากเป็นสมาชิกของกองทัพแล้ว ความเย่อหยิ่งของเย่เทียนหนิงไม่เพียงไม่หายไป แต่ยังมีมากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้บรรยากาศเคร่งขรึม และมีสัญญาณว่ากำลังจะเกิดการต่อสู้
ใบหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์แดงก่ำด้วยความโกรธ ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เธอตะโกนอย่างเย็นชาใส่เย่เทียนหนิง “เย่เทียนหนิงคุณกำลังพูดจาเหลวไหล ฉันกลายเป็น……ของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”
มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกละอายที่จะพูดประโยคนั้นออกมาจากปาก
“เย่เทียนหนิง คุณออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ!” สีหน้าของมู่หรงยานเอ๋อร์เต็มไปด้วยความโกรธ
เฉินโม่นั่งเงียบ ๆ และมองชายหนุ่มประหลาดที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนให้ความเย่อหยิ่งนี้แก่เขา!
อย่างไรก็ตาม เฉินโม่เคยเห็นคนเช่นนี้มากมายแล้ว เขาบำเพ็ญเซียนมาเป็นเวลา 600 ปีแล้ว และเขามักจะคบค้าสมาคมเทพบุตรเทพธิดาของเผ่าต่าง ๆ เฉินโม่ไม่สนใจคนอย่างเย่เทียนหนิงเขามาที่นี่เพียงเพื่อเครื่องรางเท่านั้น
“ยานเอ๋อร์ พวกเราไปทางโน้นกันเถอะ เสียงหมูหมากาไก่ดังเกินไปแล้ว” เฉินโม่ลุกขึ้นยืน ยิ้มให้มู่หรงยานเอ๋อร์ แล้วมองเย่เทียนหนิงและคนอื่น ๆ เป็นอากาศธาตุ
เป็นสิ่งที่มู่หรงยานเอ๋อร์ต้องการอยู่แล้ว เธอกลัวว่าเฉินโม่จะขัดแย้งกับเย่เทียนหนิงจนทำให้ล่วงเกินตระกูลเย่และทำให้เฉินโม่มีศัตรูที่ทรงพลัง
“โอเค พวกเราไปทางโน้นกันเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองคนนี้มองตนเองไม่มีตัวตน สีหน้าของเย่เทียนหนิงยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้น แม้แต่เจตนาฆ่าก็ประกายอยู่ในดวงตา
“ไอ้คนไร้ประโยชน์ หรือว่าแกทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่แต่หลังผู้หญิง? ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายก็ยืนออกมา อาศัยผู้หญิงคอยปกป้อง แกเป็นผู้ชายภาษาอะไร?” เย่เทียนหนิงกล่าวเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สำหรับวิธีการยั่วยุเช่นนี้ ไม่มีผลต่อเฉินโม่เลยสักนิด
เฉินโม่มองเย่เทียนหนิงด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “หากแกมีความสามารถ แกก็หาผู้หญิงคนหนึ่งมาปกป้องแกได้เหมือนกัน ไม่มีแม้แต่ผู้หญิงที่เต็มใจจะปกป้องแก ซึ่งหมายความว่าแกยังสู้คนไร้ประโยชน์ไม่ได้?”
ทุกคนมองท่าทางของเย่เทียนหนิง มีความสงสารเขาเล็กน้อย คำพูดประโยคนี้ของเฉินโม่นั้นสร้างผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก
พวกเขานึกไม่ถึงว่าปกติเฉินโม่ที่เป็นคนเงียบ แต่ความสามารถในการโจมตีคนของเขานั้นร้ายกาจมาก
มู่หรงยานเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จนหัวเราะออกมา สายตาที่มองเฉินโม่เต็มไปด้วยความชื่นชม “เฉินโม่ นึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนปากร้ายขนาดนี้”
ใบหน้าของเย่เทียนหนิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเขามาถึงจุดวิกฤติของการระเบิดอารมณ์แล้ว