แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 394
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 394
มณฑลฮ่านหยาง โรงแรมบลูเวลซึ่งเป็นธุรกิจภายใต้เหม่ยหวา กรุ๊ป
แผนกจัดเลี้ยงของโรงแรมบลูเวลมีชายหนุ่มสวมชุดขาวนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่กลางห้องโถง เอาเท้าวางบนโต๊ะกลมที่อยู่ตรงหน้า เอามือกอดอก สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ
มีลูกน้องหลายคนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้ายยืนอยู่ข้างหลังชายหนุ่ม
ว่านเหวินโยว ลูกชายของว่านฉางหรูเศรษฐีแห่งฮ่านหยาง ยืนอยู่กับลูกน้องสองสามคนด้วยสีหน้าที่เฝ้ามองเรื่องตลกอยู่ไม่ไกล
มีจานกระเบื้องและจานชามแตกอยู่บนพื้นรอบ ๆ ชายหนุ่ม
“การบริการของพวกคุณเป็นแบบนี้เหรอ? มีแมลงวันอยู่ในอาหารของพวกคุณ พวกคุณไม่ได้ให้คำอธิบาย แล้วยังหลบเลี่ยงอีก หมายความว่าอย่างไร?”
“การบริการแบบนี้ยังกล้าบอกว่าเป็นโรงแรมห้าดาวอีก ถุย!”
สีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรังเกียจ ทำให้ว่านเหวินโยวและคนอื่น ๆ หัวเราะเยาะไม่หยุด
พนักงานเสิร์ฟหลายคนซ่อนตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้าตกใจ และไม่กล้าพูดอะไร
ห้องควบคุมส่วนกลางของโรงแรม หลี่ซู่เฟินเห็นฉากนี้ผ่านหน้าจอของกล้องวงจรปิด เธอตบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโมโห และคำรามว่า “ไอ้คนสารเลว รักแกคนมากเกินไปแล้ว มีข่าวจากเสี่ยวโม่หรือยัง? เขาจะมาถึงเมื่อไร?”
เวินฉิงรีบกล่าวโน้มน้าวว่า “ประธาน โปรดระงับความโกรธ ฉันโทรไปหาเสี่ยวโม่แล้ว เขาบอกว่าเรื่องทุกอย่างรอเขามาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ผู้รับผิดชอบแผนกจัดเลี้ยงยืนอยู่ข้างหลังเขา กล่าวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องใจ “ท่านประธาน คุณเป็นคนกำหนดมาตรฐานสุขอนามัยของที่นี่ และเลขาเวินก็มาตรวจเช็กด้วยตนเองทุกวัน แล้วจะมีแมลงวันได้อย่างไร? เห็นได้ชัดเจนว่าตระกูลว่านจ้างเขามาหาเรื่อง”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ เขาเจตนามาหาเรื่อง” ใบหน้าของหลี่ซู่เฟินซีดเผือด
ตั้งแต่ชายหนุ่มคนนี้มาที่โรงแรมเมื่อสามวันก่อน วันแรกเขาเจอแมงมุมอยู่ในจานอาหาร วันที่สองเจอแมลงสาบอยู่ในจานอาหาร และวันที่สามเจอแมลงวันอยู่ในจานอาหาร แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่าเจตนาหาเรื่อง ถึงแม้จะมีแมลงวัน แมงมุม และแมลงสาบ แล้วทำไมอยู่ในจานอาหารของเขาทุกครั้ง โชคแบบนี้ควรจะไปซื้อหวยแล้ว
เมื่อเฉินโม่มาถึงโรงแรมบลูเวล เขาเห็นหนานกงหลินเทียนนอนอวดแสนยานุภาพอยู่บนเก้าอี้
ทันใดนั้น ดวงตาของเฉินโม่เย็นชาถึงขีดสุด
ว่านเหวินโยวและคนอื่น ๆ เห็นเฉินโม่เช่นกัน สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมทันที แต่เมื่อเหลือบมองหนานกงหลินเทียนที่นอนอยู่บนเก้าอี้แล้ว ใบหน้าของว่านเหวินโยวมีรอยยิ้มเย้ยหยันอีกครั้ง มองเฉินโม่ด้วยสายตายั่วยุ
เฉินโม่เหลือบมองว่านเหวินโยวและกลุ่มลูกน้อง กล่าวอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าการประชุมสูงสุดฮ่านหยางคราวที่แล้ว ฉันจะมีเมตตากับแกมากเกินไปแล้ว”
“ไสหัวออกไป!” เฉินโม่หันไปมองหนานกงหลินเทียนแล้วพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา โบกสะบัดมือ แล้วพลังมหาศาลที่มองไม่เห็นได้พุ่งไปที่หนานกงหลินเทียน
หนานกงหลินเทียนที่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้อย่างสบาย ๆ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีอันตรายกำลังพุ่งเข้ามา ทำให้เขาตกใจจนรีบกลิ้งหลบไปด้านข้าง
“ไอ้หนุ่ม แกกล้าลอบโจมตีฉันเหรอ?”
หนานกงหลินเทียนพลิกตัวกลับมา อยู่ในสภาพเก้อเขิน ยืนขึ้นและจ้องไปที่เฉินโม่
ห้องควบคุมส่วนกลาง หลี่ซู่เฟินยืนขึ้นทันทีด้วยสีหน้าเต็มไปประหลาดใจ “เสี่ยวโม่มาถึงแล้ว ไป! พวกเราไปกันเถอะ!”
ดวงตาของเวินฉิงมีความประหลาดใจเช่นกัน หลังจากอัดอั้นตันใจมานาน ในที่สุดก็เห็นแสงสว่างแล้ว
หลี่ซู่เฟินพาคนสองสามคนเดินออกไป เฉินโม่เดินมาทันที “คุณแม่ พี่เวินฉิง พวกท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“แม่ไม่เป็นไร ในที่สุดลูกก็มาถึงแล้ว ท่านพรตเฉินล่ะ?” หลี่ซู่เฟินมองไปข้างหลังเฉินโม่ แต่ไม่พบเฉินซงจื่อ จึงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“คราวนี้ผมมาแก้ปัญหาด้วยตนเอง” เจตนาฆ่าที่รุนแรงแวบเข้ามาในดวงตาของเฉินโม่
หลี่ซู่เฟินรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ลูกไหวหรือ? เขาทำร้ายคุณอินจนได้รับบาดเจ็บ!”
เฉินโม่หันกลับไปมองหนานกงหลินเทียนด้วยความเย็นชา และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “วางใจเถอะ ผมสัญญาว่าจะทำให้เขามาแล้วไม่ได้กลับไป”