แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 442
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 442
นักวิชาการจำนวนหนึ่งเสนอให้ย้ายพืชบริเวณเนินเขาวิหคจอดไปลองปลูกที่อื่น แต่พวกเขาพบว่าถ้าย้ายพืชพวกนี้ไปปลูกที่อื่น ไม่นานก็จะแห้งตาย ราวกับว่าเมื่อห่างจากพื้นที่บริเวณเนินเขาก็จะไม่สามารถเติบโตได้
จากการทดลองหลายครั้ง สุดท้ายนักวิชาการก็สรุปได้ว่า ไม่ใช่เพราะพืชบริเวณเนินเขาวิหคจอดที่มีความพิเศษ แต่เป็นเพราะเนินเขาวิหคจอดได้เปลี่ยนไปไม่เหมือนกับสถานที่อื่นแล้ว
แต่ว่าผลของเขาวงกตที่ออกมาจากค่ายกลรวมพลังทิพย์ ทำให้พวกนักวิชาการ ไม่ว่าจะนั่งรถ เดินเท้า หรือนั่งเฮลิคอปเตอร์ลงไป ก็ไม่สามารถเข้าไปยังส่วนลึกของเนินเขาวิหคจอดได้
แต่พอพวกเขานั่งเครื่องบินแล้วมองลงไป พวกเขาก็พบว่าบริเวณเนินเขาวิหคจอดกับทะเลสาบกลับคืนรังมีหมอกปกคลุมอยู่ ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
มีครั้งหนึ่งเสียงของเฮลิคอปเตอร์ไปรบกวนการฝึกวิชาของเฉินโม่ เฉินโม่ก็ชักกระบี่สับสวรรค์ออกมา แสดงสว่างสาดออกมา ฟันหางของเฮลิคอปเตอร์ขาด ทำให้ทุกคนตกใจจนไม่มีใครกล้าเข้าไปสำรวจอีก
สุดท้าย เหล่านักวิชาการก็ต้องถอดใจ และเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีเทพคอยปกปักรักษาอยู่จริงๆ ไม่กล้าเข้าไปสำรวจ เพราะกลัวจะไปรบกวนสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ชื่อเสียงของเนินเขาวิหคจอดกับทะเลสาบกลับคืนรัง ก็ดังขึ้นไปเรื่อยๆ ทุกคนในเมืองอู่โจวแทบจะรู้จักข่าวลือของเนินเขาวิหคจอดกับทะเลสาบกลับคืนรังกันหมด
ก่อนงานวันเกิดของมู่หรงยานเอ๋อร์หนึ่งวัน
วันนี้ เฉินโม่ฝึกวิชาเสร็จสิ้น เดินออกมาทางมุมหนึ่งของระเบียง ตรงนั้นมีขวดแก้ววางอยู่หนึ่งใบ
ด้านบนของขวดแก้ว ด้านบนกระจกของหน้าต่าง มีหยดน้ำกำลังหยดลงมาทีละหยด และตกลงไปในขวดแก้วนั้นพอดิบพอดี หยดลงไปได้เกือบเต็มขวดแล้ว
หยดน้ำพวกนี้ ถึงแม้จะหยดลงมาจากกระจกของหน้าต่าง แต่ไม่มีฝุ่นผงใดๆ เลย เหมือนเป็นน้ำที่กลั่นออกมาอย่างสะอาดมากๆ
เฉินโม่ก็ยื่นมือไปหยิบขวดแก้วนั้น แล้วก็เก็บมันลงไปในแหวนเก็บของ
“ได้พอประมาณแล้ว เรื่องที่รับปากคนอื่นไว้ จะต้องรีบไปทำเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นจิตใจก็ไม่สงบ”
เฉินโม่พูดกับตัวเอง เอามือไพล่หลัง แล้วค่อยๆ ก้าวเดินไป
พอเดินออกไป ก็มาถึงด้านนอกของคฤหาสน์ ไม่กี่ก้าวก็มาปรากฏตัวอยู่ที่กลุ่มคฤหาสน์ที่ตีนเขาแล้ว
ณ ตีนเขาของเนินเขาวิหคจอด คฤหาสน์ของฉู่เหวินสง
หลายวันนี้ฉู่เหวินสงอารมณ์ดี ข่าวลือของทะเลสาบกลับคืนรังกับเนินเขาวิหคจอด ทำให้คฤหาสน์ในแถบทะเลสาบกลับคืนรังราคาพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัว และพืชที่ปลูกในสวนของคฤหาสน์ ก็งอกงามดีมาก ดอกไม้ทั้งหลายก็พร้อมที่จะผลิดอกออกมา
ความรู้ของฉู่เหวินสง มีมากกว่านักวิชาการพวกนั้น ถึงแม้จะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง แต่เขารู้ว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดีมากๆ
“ฉู่เหวินสง”
ทันใดนั้นเอง เสียงเย็นชาก็ดังมาจากทางด้านหลัง ทำเอาฉู่เหวินสงตกใจ แล้วรีบหันหลังไป “ใครกัน?”
พอเห็นรูปร่างเล็กๆ ของหนุ่มน้อยทางด้านหลัง ฉู่เหวินสงก็มีสีหน้าตกใจ รีบยกมือคำนับทำความเคารพ “เฉินไต้ซือ มาได้อย่างไรครับเนี่ย?”
“ผมมีเรื่องจะให้คุณไปจัดการ ตามผมมา” เฉินโม่พูดเสร็จ ก็เดินตรงเข้าไปยังคฤหาสน์ของฉู่ปะรำวิเป็นสง
ฉู่เหวินสงก็แอบใจเสียเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นเจ้าสัวใหญ่ของเมืองอู่โจว วางระบบการป้องกันของคฤหาสน์ตนเองเป็นอย่างดี แต่เหล่าผู้รักษาความปลอดภัยของเขากลับไม่มีใครรู้เลยสักคนว่าเฉินโม่เข้ามาได้อย่างไร
ถ้าคนที่เข้ามาเป็นศัตรูของเขาล่ะก็ เกรงว่าฉู่เหวินสงคงจะตายไปแล้ว
แต่พอนึกถึงฝีมืออันพิสดารของเฉินโม่แล้ว ฉู่เหวินสงก็เบาใจขึ้น ถ้าเฉินไต้ซือถูกพวกที่รักษาความปลอดภัยจับได้ ก็คงไม่ใช่เฉินไต้ซือแล้วล่ะ
เดินตามเฉินโม่เข้าห้องโถงไป ฉู่เหวินสงมองเฉินโม่ที่ยืนเอามือไพล่หลัง แล้วคำนับถามว่า “ไม่ทราบว่าเฉินไต้ซือมีอะไรจะสั่งครับ?”
เฉินโม่ก็คิด แล้วขวดแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำชี่ทิพย์ก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะอย่างน่าประหลาดใจ
ฉู่เหวินสงถามอย่างสงสัยว่า “นี่คือ?”