แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 471
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 471
พลังที่แข็งแกร่งแผ่ซ่านไปทั่ว เพียงชั่วพริบตาลุงสุ่ยและผู้อาวุโสคนนั้นก็ได้ต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่าแล้ว ดูแล้วฝีมือเทียบเคียงกัน
พวกคนที่มามุงดูในห้องโถงพวกนั้น ต่างก็ตกตะลึงถอยหนีกันไปหมด ทำให้มีพื้นที่ว่างให้กับทั้งสองคนทันที เกรงว่าจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย
ส่วนพวกผู้ใหญ่ เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับนักบู๊มาบ้าง จึงพอรับได้กับการต่อสู้ของทั้งสองคน
แต่ว่า พวกลูกคนรวยพวกนั้นไม่เคยได้เห็นการต่อสู้ระหว่างนักบู๊มาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักบู๊ระดับแดนในชั้นสูงสุดสองคน ภาพตรงหน้าเหมือนดั่งกับกำลังดูทีวีอยู่
“พระเจ้า นี่ยังเป็นคนกันอยู่มั้ยเนี่ย!”
“ที่แท้ในนิยายก็เป็นความจริง ในโลกใบนี้มีนักบู๊ยอดฝีมืออยู่จริงๆด้วย!”
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลมู่หรงถึงสามารถควบคุมทั่วทั้งเขตเจียงหนานได้ ที่แท้ตระกูลมู่หรงก็มียอดฝีมือแบบนี้อยู่เบื้องหลังนี่เอง!”
พวกลูกคนรวยในเขตเจียงหนานต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง สิ่งที่ได้เห็นในวันนี้ ได้พลิกผันความรู้ที่พวกเขามีต่อโลกใบนี้ไปแล้ว
เจิ้งหยวนฮ่าวและอานเข่อเยว่รวยทั้งพวกคนจากโรงเรียนตี้ยีแห่งอู่โจวเองต่างก็ตกตะลึง ความรู้สึกของพวกเขาไม่ต่างจากลูกคนรวยในเขตเจียงหนานพวกนั้น ล้วนตกตะลึงต่อพลังความสามารถที่เกินคนของทั้งสองคนนี้!
มู่หรงยานเอ๋อร์ยังถือว่าดี เธอเคยเห็นเฉินโม่ต่อสู้ในบึงน้ำดำมาก่อน พลังอำนาจนั้นน่ากลัวว่าสองคนนี้นับร้อยเท่า
เมื่อนึกถึงจุดนี้ มู่หรงยานเอ๋อร์ก็แอบมองไปทางเฉินโม่ เฉินโม่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สองมือกุมไว้หลังหัว แล้วหลับตาบำรุงจิต เหมือนกับว่าการต่อสู้ในงานไม่ได้สร้างความน่าสนใจให้กับเขาเลย
โจวเทียนวั่งมองดูสองคนที่ต่อสู้กัน แล้วพูดกับผู้อาวุโสข้างกายว่า “คุณชิวครับ คุณคิดว่าสองคนนี้ใครจะชนะ?”
คุณชิวตาเป็นประกาย ในสายตามีแต่สองคนที่กำลังต่อสู้กัน “ลุงสุ่ยอยู่ระดับแดนในชั้นสูงสุด แต่เหมือนว่าพลังจะลดน้อยลง คาดว่าน่าจะมีบาดแผลในตัว แต่คนคนนั้นอยู่แค่ระดับแดนในชั้นสมบูรณ์ แต่กลับสามารถต่อสู้กับลุงสุ่ยได้อย่างเท่าเทียม เห็นได้ชัดว่าห่างไกลจากแดนในชั้นสูงสุดไม่มาก
“แต่ยังไงซะแดนในชั้นสูงสุดก็ยังเป็นแดนในชั้นสูงสุด แม้ว่าจะมีบาดแผล แต่ก็ไม่ใช่แดนในชั้นสมบูรณ์จะมาสะเทือนได้ ไม่เกินสามสิบกระบวนท่า ลุงสุ่ยต้องชนะแน่นอน!”
โจวเทียนวั่งลูบคาง แล้วพูดว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมเราไม่ช่วยเหลือตระกูลมู่หรงสักหน่อยละครับ? นี่ก็เท่ากับว่าได้บุญคุณมาฟรีไม่ใช่หรอ?”
คุณชิวยิ้มอย่างเข้าใจ แล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว อย่างนั้นฉันจะเข้าไปช่วยเขาสักหน่อย”
“คุณมู่หรง คุณโจวบอกให้ผมมาช่วยเหลือคุณครับ!” พูดจบ คุณชิวก็กระโดดเข้าในสนามการต่อสู้ ร่วมมือกับลุงสุ่ย แล้วโจมตีผู้อาวุโสคนนั้นด้วยกัน
ผู้อาวุโสที่เดิมทีก็ใกล้จะต้านทานไม่ไหวแล้ว ดันมาถูกคุณชิวประทับฝ่ามือใส่หน้าอกอีกครั้ง จึงถูกสะเทือนถอยหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความมืดขรึม
ลุงสุ่ยเหลือบมองคุณชิว ไม่พูดจาอะไร แต่ในสายตากลับมีความไม่พอใจอยู่ เห็นได้ชัดว่ามองเจตนาของคุณชิวออกแต่แรกแล้ว
มู่หรงเค่อไม่รู้ความคิดของคุณชิวและโจวเทียนวั่ง จึงพนมมือพูดว่า “น้องโจว บุญคุณครั้งนี้ฉันจดจำไว้แล้ว”
ผู้อาวุโสคนนั้นลุกขึ้นยืนโดยมีชายหนุ่มสองคนพยุงไว้ มองดูคุณชิวและลุงสุ่ย พูดเยาะว่า “ฉันก็ว่าทำไมบอดี้การ์ดของตระกูลมู่หรงถึงได้อ่อนหัดเช่นนี้ ที่แท้ก็มียอดฝีมืออยู่เบื้องหลัง ดูแล้วเพียงแค่ฉันคนเดียว คงไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับวิญญาณของสมาคมซานเหอได้!”
ลุงสุ่ยพูดเสียงเข้มว่า “นายรู้ก็ดี พูดมาซะ ใครเป็นคนส่งตัวนายมา?”
ผู้อาวุโสคนนั้นยิ้มชั่วร้าย “อย่ารีบร้อน เดี๋ยวพวกนายก็จะได้รู้แล้วละ”
พูดจบ ผู้อาวุโสก็หันหลังไปโค้งคำนับให้กับทางนอกประตู แล้วตะโกนว่า “ขอเชิญคุณท่านครับ!”
น้ำเสียงใช้พลังชี่แท้รวมด้วย เสียงดังกังวานไปดั่งน้ำไหลแรง สะท้อนอยู่ในหูของทุกคนอยู่นาน
ทุกคนต่างตกตะลึงพร้อมกัน เบื้องหลังของผู้อาวุโส ยังมีเจ้านายอีกคน!