แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 504
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 504
อานเข่อเยว่ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง เธอสงบลงมาก แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รับน้ำใจ เธอกัดฟันด้วยความแค้นและกล่าวว่า “เฉินโม่ เฉินไต้ซือ หือ ๆ คุณปกปิดได้ลับมาก!”
เฉินโม่มองเธอด้วยความเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ปกปิด? ไม่! ผมบอกคุณว่าผมคือเฉินไต้ซือตั้งนานแล้ว แต่คุณไม่เชื่อเอง ไม่สามารถตำหนิคนอื่นได้”
อานเข่อเยว่ตกตะลึง ถูกต้อง เฉินโม่เคยบอกว่าเขาคือเฉินไต้ซือในงานเลี้ยงวันเกิดของมู่หรงยานเอ๋อร์เมื่อสองวันก่อน แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่เชื่อ และคิดว่าเฉินโม่แค่ต้องการอ้างชื่อเฉินไต้ซือเพื่อข่มขู่เหรินเทียนหยู่เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เฉินโม่พูดนั้นจะเป็นความจริง
อานเข่อเยว่หัวเราะทันที เสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความขมขื่น และค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนคนบ้า
เดิมทีคิดเธอว่าเฉินโม่ปกปิดสถานะ เพื่อมุ่งเป้าและต้องการโจมตีเธอ แต่ตอนนี้อานเข่อเยว่ตระหนักได้ว่าเธอประเมินความสำคัญของตนเองที่อยู่ในใจของเฉินโม่สูงเกินไปแล้ว
เฉินโม่ไม่เคยตั้งใจปกปิดสถานะของตนเอง เธอเป็นคนที่ไม่เชื่อเฉินโม่มาโดยตลอด และสิ่งที่เธอคิดว่าเขาเจตนามุ่งเป้าและโจมตีเธอนั้น เห็นได้ชัดเจนว่าสำหรับเฉินโม่เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเธอถือว่าตนเองเป็นคู่ต่อสู้ระดับเดียวกับเฉินโม่มาโดยตลอด แต่ทันใดนั้นเธอก็ค้นพบว่าเฉินโม่ไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาเลย เธอเป็นคนคิดไปเองว่าใช่เสมอมา
ผลลัพธ์นี้โหดร้ายกว่าการได้ยินว่าเฉินโม่เจตนาโจมตีเธอด้วยหูตนเอง
ถ้าเฉินโม่เจตนาปกปิดสถานะเพื่อพุ่งเป้าและโจมตีเธอ อย่างน้อยมันหมายความว่าในใจของเฉินโม่นั้นยังมีเธออยู่ แต่จนกระทั่งตอนนี้เธอถึงได้เข้าใจ สำหรับเฉินโม่แล้ว เธอเป็นแค่คนที่สัญจรไปมาที่ไม่มีค่าให้เอ่ยถึง และเฉินโม่ก็เพิกเฉยเธอโดยตรง
เสียงหัวเราะของอานเข่อเยว่ค่อย ๆ เล็กลง ขณะที่เธอหัวเราะน้ำตาก็เอ่อล้นเต็มดวงตา
นึกถึงเมื่อก่อนทุกครั้งที่ตนเองอยู่ต่อหน้าเฉินโม่ ตนเองมักจะแสดงท่าทางเย่อหยิ่งราวกับเทพธิดา และดูเหมือนว่าการที่ตนเองพูดกับเฉินโม่นั้นเป็นการให้ทานเขาแล้ว ตอนนี้คิดแล้วน่าขำแค่ไหน น่าถากถางแค่ไหน?
“บางทีตอนนั้นสำหรับเขาแล้ว ฉันก็เป็นตัวตลก เป็นตัวตลกที่คิดไปเอง! ฮ่า ๆ…”
ขณะนี้ เสียงที่ราบเรียบของเฉินโม่ดังอีกครั้ง เฉยเมยและเหินห่าง “เมื่อก่อนผมเคยบอกคุณแล้วว่าคุณกับผมอยู่กันคนละโลก และสิ่งของที่คุณสนใจ สำหรับผมแล้วไม่มีคุณค่าให้เอ่ยถึง สายตาของคุณได้จำกัดวิสัยทัศน์ของคุณไว้เพียงโลกฆราวาสเล็ก ๆ ใบนี้เท่านั้น แต่สายตาของผมอยู่ที่จักรวาลและดวงดาวบนท้องฟ้านานแล้ว”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณอาอาน แค่อาศัยเรื่องที่คุณเคยยั่วยุผมหลายครั้งก่อนหน้านั้น ตอนนี้คุณตายไปแล้ว”
“อย่างไรก็ตาม ผมสามารถทนคุณครั้งสองครั้งได้ แต่ผมจะไม่ทนคุณสามสี่ครั้ง ต่อไปคุณทำตัวให้ดี ๆ ละ!”
เฉินโม่เหลือบมองอานเข่อเยว่เป็นครั้งสุดท้าย ถือว่าเป็นจุดจบของการแอบรักในวัยเรียนของชาติก่อนและชาตินี้
วาสนาจบเพียงเท่านี้ และต่อไปเมื่อพบเจอกันมันก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้า
เฉินโม่มองไปที่ฟางปู้ถง และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เริ่มธุระหลักเถอะ! ”
ฟางปู้ถงโค้งคำนับและตอบว่า “ครับ”
เฉินโม่ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้ทรงอิทธิพล ทิ้งอานเข่อเยว่ที่อกสั่นขวัญหายไว้คนเดียว
เมื่อมองร่างของชายหนุ่มที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ หัวใจของอานเข่อเยว่กระตุกโดยไม่ทราบสาเหตุ เธอรู้ว่าระหว่างตนเองกับเฉินโม่มีช่องว่างขนาดใหญ่ และต่อไปถ้าได้พบเจอกัน พวกเขาจะเป็นคนที่อยู่กันละโลกอย่างสิ้นเชิง
มีความดูถูกเหยียดหยามอยู่ในสายตาของผู้ทรงอิทธิพลทั้งหมด ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าอานเข่อเยว่เป็นคนสวยมาก แต่เฉินไต้ซือเป็นคนระดับไหน? ถ้าเขาต้องการผู้หญิง แบบไหนที่ไม่มีล่ะ?
แค่อาศัยว่าตนเองหน้าตาสวย แล้วกล้าสงสัยในตัวเฉินไต้ซือ รนหาที่ตายจริง ๆ
กลุ่มผู้ทรงอิทธิพลล้อมเฉินโม่แล้วเดินไปที่หน้าเวที แล้วหาที่นั่งใกล้ ๆ ลูกเศรษฐีเหล่านี้รีบมองหาพ่อแม่และญาติของตนเอง นั่งลงด้วยความสงบเสงี่ยม แล้วมองเฉินโม่ที่อยู่หน้าเวทีด้วยความเคารพและหวาดกลัว