แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 507
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 507
เฉินโม่มองกงซุนหลีและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณท่านจิน คุณตายไปแล้ว”
“ผมเฉินโม่ เป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น ผมบอกว่าจะหักขาทั้งคู่ของคุณ ไม่มีใครสามารถขวางได้!” เฉินโม่กล่าวจบ ยกมือขวาขึ้นอย่างช้า ๆ แล้วชี้ไปที่กงซุนหลี
พรึบ ๆ!
เสียงดังขึ้น เข่าทั้งคู่ของกงซุนหลีถูกเจาะเป็นรูเล็ก ๆ เลือดไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย!” กงซุนหลีล้มลงบนพื้น กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกใจและความโกรธ
สีหน้าของผู้ทรงอิทธิพลเต็มไปด้วยความตกใจ นี่คือวิธีการอะไร!
ต่อหน้าผู้คนมากมาย สำหรับกงซุนหลีที่มีตระกูลจินและตระกูลกงซุนสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เขาบอกว่าจะหักทั้งคู่ของเขาก็หักทันที ไม่สามารถยั่วยุความน่าเกรงขามของเฉินไต้ซือได้!
เหล่าลูกเศรษฐีที่หาเรื่องเฉินโม่ตามกงซุนหลี ตอนนี้พวกเขาต่างก้มศีรษะลงด้วยความหวาดกลัว เพราะกลัวว่าเฉินโม่จะสังเกตเห็นพวกเขา
ความโกรธประกายผ่านดวงตาของจินตัวเหวินแต่มันหายไปอย่างรวดเร็ว และสุดท้ายก็กลายเป็นเสียงถอนหายใจ “ขอบคุณเฉินไต้ซือที่ยั้งมือไว้ไมตรี!”
เหล่าผู้ทรงอิทธิพลแอบถอนหายใจ เฉินไต้ซือไม่ให้เกียรติตระกูลจินและตระกูลกงซุนเลยแม้แต่น้อย และจินตัวเหวินก็ไม่กล้าแม้แต่จะโกรธ
พลังความน่าเกรงขามของเฉินไต้ซือยิ่งใหญ่เสียดฟ้า!
“โต๊ะต่อไป!”
เฉินโม่กล่าวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ และเดินจากไปอย่างสงบ จินตัวเหวินรีบสั่งให้คนพากงซุนหลีไปโรงพยาบาลทันที
ฟางปู้ถงรีบตามเฉินโม่อย่างรวดเร็ว ความเคารพและความกลัวบนใบหน้าหนาแน่นขึ้นไปอีก
เมื่อเฉินโม่เดินไปถึงโต๊ะของเจิ้งซิ่วลี่ ทุกคนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และยิ้มด้วยความประจบ เจิ้งซิ่วลี่ยืนขึ้นด้วยสีหน้าหมองหม่น แต่ไม่กล้ามองเฉินโม่ รู้สึกจิตใจกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก
เฉินโม่ยกแก้วขึ้นเบา ๆ หลังจากนั้นก็เดินจากไปโดยขี้เกียจจะสนใจเจิ้งซิ่วลี่
เธอมองหลังของเฉินโม่ที่เดินจากไปอย่างแผ่วเบา เจิ้งซิ่วลี่กำหมัดทั้งสองไว้แน่น และกัดฟันแน่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“เฉินโม่ แกอย่าจองหองมากเกินไป ถึงแม้ว่าแกจะเป็นเฉินไต้ซือ แล้วไงล่ะ? ในโลกนี้ต้องมีคนที่เก่งกว่าแกอย่างแน่นอน แล้วฉันจะคอยเฝ้ามองวันที่แกตกอับ!”
ณ ห้องประชุมของโรงแรมว่านเซี่ยง เฉินโม่เรียกผู้ทรงอิทธิพลสิบเจ็ดเมืองของฮ่านหยางมารวมตัวกัน และเริ่มปรึกษาหารือเรื่องธุรกิจ
ถึงแม้ว่าเหล่าผู้ทรงอิทธิพลจะได้ยินข่าวบางอย่างมานานแล้ว แต่พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะมันคือน้ำชีวิต ซึ่งสามารถรักษาโรคและทำให้อายุยืนได้!
เมื่อมองสีหน้าที่ประหม่าของผู้ทรงอิทธิพลเหล่านี้ ฉู่เหวินสงหัวเราะด้วยความพึงพอใจ เพราะเขาได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำชีวิตเป็นคนแรกแล้ว และเขายังได้ดื่มน้ำชี่ทิพย์ที่ใช้ผลิตน้ำชีวิตไปไม่น้อย ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายกระปรี้กระเปร่าและสบายตัว
เฉินโม่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งที่นั่งแรก ก้มศีรษะเล็กน้อย มองโต๊ะด้วยความเหม่อลอย ความจริงแล้วเขากำลังคิดว่าจะจัดสรรสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายของน้ำชีวิตอย่างไร
เจี่ยจิ้งอานรอจนรู้สึกกระวนกระวายใจ ซึ่งเขาสนิทกับฉู่เหวินสง เขาได้ยินว่าฉู่เหวินสงได้รับสิทธิประโยชน์แล้ว ถ้าเฉินโม่ไม่ได้ส่งบัตรเชิญมาแล้ว บางทีเขาอาจจะไปขอร้องเฉินโม่ด้วยตัวเอง
“เฉินไต้ซือ คุณไม่มีอะไรจะพูดกับพวกเราเหรอ” เจี่ยจิ้งอานถามเบา ๆ
เฉินโม่ถึงได้หยุดคิด เงยหน้ามองไอ้อ้วนเจี่ยที่สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจง พยักหน้าและกล่าวว่า “ผมมีเรื่องจะบอกพวกคุณ มันเป็นเรื่องของน้ำชีวิต”
ทันทีที่กล่าวประโยคนี้ออกมา บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่ในห้องประชุมหายใจแรงขึ้นมา!
พวกเขาจ้องเฉินโม่ด้วยสายตาร้อนรน เหมือนกลุ่มผู้ลี้ภัยที่หิวโหยเป็นเวลาสามวัน แล้วเห็นหมั่นโถวลูกใหญ่
แต่หลังจากเฉินโม่กล่าวประโยคนั้นแล้ว เขาก็เริ่มเหม่อลอยอีกครั้ง ทำให้ผู้ทรงอิทธิพลกระวนกระวายใจจนเหมือนมดที่อยู่ในหม้อไฟ
“เฉินไต้ซือ คุณพูดต่อเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับน้ำชีวิต?” ฉินเยว่ซานซึ่งผู้ทรงอิทธิพลแห่งอานหลิน ถามเบา ๆ ด้วยความไร้ยางอาย