แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 548
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 548
“คุณหนูไม่ต้องกลัวครับ ดูผมจัดการมัน!” เจี่ยงไต้ซือหันหลังไปพูดปลอบใจไช่เหวินหย่า แล้วหันไปจับจ้องเจ้างูตัวเมีย ยิ้มเยาะออก “สัตว์เดรัจฉาน มีฉันอยู่ แกอย่าได้คิดจะมาโอหัง!”
“วันนี้ฉันจะปิดผนึกแกซะ!”
เจี่ยงไต้ซือสะบัดมือ แผ่นหยกปากว้าแผ่นนั้นก็ลอยไปทางเจ้างูตัวเมีย ตาข่ายแสงสีเขียวปกคลุมเจ้างูตัวเมียนั้นทันที
เจ้างูตัวเมียกระแทกเข้ากับตาข่ายปกคลุมแล้วถูกดีดกระเด็นออกทันที ทำให้ไม่สามารถขยับออกจากขอบเขตตาข่ายปกคลุมได้
ที่แท้แผ่นหยกปากว้านี้ไม่เพียงแต่มีพลังปกป้องแล้วยังสามารถใช้จับกุมขังได้อีกด้วย
เจี่ยงไต้ซือยื่นมือสองข้างออกไป ธงหลากสีปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ไปซะ!”
ธงทั้งสี่สีลอยไปทางเจ้างูตัวเมียในทันที เจ้างูตัวเมียไม่มีทางนิ่งดูดายแน่นอน จึงพ่นไฟออกมา แล้วแบ่งออกเป็นไฟสี่ลูกพุ่งเข้าใส่ธงทั้งสี่
เจี่ยงไต้ซือคาดการณ์ไว้แต่แรกแล้ว จึงยิ้มเยาะ โบกสองมือ แล้วด้านบนของธงทั้งสี่ก็มีแสงสว่างขึ้น นั่นคือพลังชี่ทิพย์ที่บริสุทธิ์
ลูกไฟทั้งสี่ที่เจ้างูตัวเมียพ่นออกมาถูกพลังชี่ทิพย์ขวางไว้ภายนอก จึงไม่สามารถเผาไหม้ธงได้
ทันใดนั้น ธงทั้งสี่ปักเข้าไปที่รอบตัวของเจ้างูตัวเมีย และตอบสนองกับแผ่นหยกปากว้าที่อยู่ด้านบนหัวของเจ้างูตัวเมีย แล้วกลายเป็นค่ายกลสี่เหลี่ยม
“สัตว์เดรัจฉาน วันนี้ฉันจะใช้พลังห้าธาตุ ปิดผนึกแกไว้ภายในพระราชวังใต้ดินซะ!”
เจี่ยงไต้ซือใช้มือวาดปิดผนึก พลังชี่ทิพย์ถูกปล่อยออก แผ่นหยกปากว้าและธงทั้งสี่สีส่องแสงสว่าง แท่นปากว้าที่สร้างขึ้นโดยแสงสีทั้งห้าสีค่อยๆปรากฏขึ้นด้านบนร่างของเจ้างูตัวเมีย แล้วค่อยๆกดทับลงที่หัวของเจ้างูตัวเมีย
“เป็นมนุษย์ที่เจ้าเล่ห์จริงๆ แกคิดว่าอย่างนี้จะสามารถกักขังฉันได้? ฝันไปซะเถอะ!”
เจ้างูตัวเมียอ้าปากกว้าง แล้วพ่นไฟใส่อากาศ เหมือนว่าต้องการเผาแท่นหินนั้นให้เป็นผุยผง
แต่แท่นหินปากว้าถูกสร้างขึ้นมาจากการรวมตัวของพลังห้าธาตุ แม้ว่าลูกไฟของงูเกล็ดแดงทิพย์จะแผดเผาได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับพลังชะตาในฟ้าดินได้
“หึ ฉันแนะนำว่าแกอย่าได้เสียแรงเปล่าเลย สิ่งนี้ของฉันคือค่ายกลลมน้ำ ลูกไฟพวกนั้นของแกใช้ไม่ได้หรอก!” เจี่ยงไต้ซือพูดยิ้มเยาะอย่างได้ใจ
ไช่เหวินหย่าเห็นว่าชัยชนะอยู่ในกำมือเจี่ยงไต้ซือ จึงได้ใจกล้าขึ้นมา ด่าทอว่า “เจ้างูสารเลว ฆ่าบอดี้การ์ดของฉันไปคนหนึ่ง เจี่ยงไต้ซือคะ คุณน่าจะฆ่ามันทิ้งไปซะเลย!”
เจี่ยงไต้ซือสีหน้าจนใจ “คุณหนูครับ ผมก็อยากฆ่ามันทิ้ง แต่สัตว์เดรัจฉานตัวนี้มีพลังไม่ธรรมดา สิ่งที่ผมทำได้ก็คือกักขังมันไว้เท่านั้นครับ!”
เจ้างูตัวเมียพ่นลูกไฟออกมา เมื่อเห็นว่าไร้ประโยชน์ จึงล้มเลิก
“มีฝีมือ แต่คิดอยากจะกักขังฉันมันยังไม่เพียงพอ!”
จิ๊ๆ!
เสียงหัวเราะแสบหูดังขึ้น ร่างกายของเจ้างูตัวเมียขยายใหญ่ขึ้นในทันที ที่ท้องของมันมีกรงเล็บผุดออกมาสี่ข้าง และบนหัวก็มีเขาผุดออกมาสองเขา
เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเจ้างูตัวเมียที่มีขนาดสิบฟุตได้ขยายมากขึ้นถึงเจ็ดแปดสิบฟุตในทันที
“กรี๊ด!พระเจ้า มันยังสามารถขยายร่างได้อีก!” ไช่เหวินหย่ากรีดร้องอย่างหวาดกลัว
เจี่ยงไต้ซือสีหน้าเคร่งเครียด และปล่อยพลังชี่ทิพย์ใส่ค่ายกลเรื่อยๆ “คุณหนูวางใจได้ครับ แม้มันจะขยายร่าง ก็ไม่สามารถหลุดออกจากค่ายกลได้!”
“งั้นหรอ?”
เสียงแหบแห้งที่แสบหูก็ได้กลายเป็นเสียงทุ้มกะฮึ่ม และดังสะท้อนไปทั่วพระราชวังใต้ดิน
ปัง!
เจ้างูตัวเมียสะบัดหาง ค่ายกลของเจี่ยงไต้ซือก็แตกสลายทันที แผ่นหยกปากว้าและธงทั้งสี่สีตกหล่นลงพื้น
เมื่อถูกค่ายกลดูดจิตกลับคืน เจี่ยงไต้ซือถึงกับกระอักเลือดออกมา
“แย่ละ คุณหนูรีบถอยไปครับ!” เจี่ยงไต้ซือตะโกนเสียงดัง แล้วรีบปกป้องไช่เหวินหย่าถอยหนีกลับเข้าทางเดินอีกครั้ง
หยวนชิงซานและพระภิกษุสำนักลับทั้งสามเองก็ถอยหนีตามด้วยสีหน้ากลุ้มใจ
“จิ๊ๆ ฉันบอกแล้ว ว่าวันนี้พวกแกต้องตายกันหมด!” เสียงที่แสบหูดังสะท้อนไปทั่วพระราชวังใต้ดิน ร่างกายของเจ้างูตัวเมียเหมือนดั่งภูเขาลูกเล็ก และกำลังเคลื่อนย้ายไปทับทุกคน
เฉินโม่ที่คอยยืนมองเจ้างูตัวเมียอยู่เงียบๆ ในแววตาแสดงออกถึงความตกใจ “ถึงว่าทำไมงูเกล็ดแดงทิพย์ถึงได้เกิดโดยจิตวิญญาณได้ ที่แท้ก็คือสายเลือดมังกรอัคคีนี่เอง!”
“เมื่อเห็นมันมีกรงเล็บและเขางอกเงยออกมาได้ คงจะมีพลังของสัตว์ประหลาดระดับสองแล้ว ในโลกฝึกบู๊ นอกจากแดนดั่งเทพแล้ว คงไม่มีใครสามารถกำจัดมันได้!”