แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 562
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 562
“จำไว้ ต้องทำให้ข่าวมันมีความเป็นจริง ทำให้ทุกคนเชื่อ!”
“คุณหนูวางใจได้ครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อยครับ!”
ไช่เหวินหย่าสีหน้าอาฆาต “เฉินไต้ซือ รอนายกลับออกมา พบว่าญาติพี่น้องถูกศัตรูฆ่าทิ้งจนหมดแล้ว นายจะรู้สึกยังไงนะ? ฮ่าๆๆ…..”
“อีกอย่างนายก็จะไม่มีทางรู้ว่าทุกอย่างนี้ฉันเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเอง ใครสั่งให้นายกล้าดูถูกเหยียดหยามฉันกันละ!”
เฉินโม่ดูดกลืนรากทิพย์พรสวรรค์ต่อไป แต่ในเมืองฮ่านหยางกลับเริ่มแปรผันเพียงเพราะข่าวหนึ่ง
คนแรกที่ได้รับข่าวคือศัตรูอันดับหนึ่งของเฉินโม่ ตระกูลว่าน
ภายในห้องทำงานว่านซื่อกรุ๊ป ว่านเหวินโยวนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าที่หล่อเหลา ตอนนี้กลับบูดเบี้ยวเพราะไม่ได้ระบายความโกรธแค้นภายในใจ
“พ่อครับ เรียกผมมาทำไมครับ?”
ว่านฉางหรูดูแก่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บอกเอกสารในมือลง มองไปทางว่านเหวินโยว “มีข่าวลือมาว่า เจ้าเฉินโม่มันตายอยู่ที่ทะเลทรายแห่งความตายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว นายคิดว่าข่าวเชื่อถือได้มั้ย?”
ใบหน้าของว่านเหวินโยวแสดงออกถึงความดีใจ แต่ไม่นานก็กลับสู่สงบนิ่ง ในสายตามีความอาฆาตพยาบาท มองว่านฉางหรู แล้วพูดเสียงทุ้มว่า “พ่อครับ จริงแล้วยังไง? เท็จแล้วยังไงครับ?”
ว่านฉางหรูนิ่งอึ้ง ลูกชายคนนี้ของตัวเอง ตั้งแต่ที่ถูกเฉินโม่ทำลายสองขา ก็ยิ่งนิ่งสงบมากขึ้น แม้แต่เขายังมองเดาไม่ค่อยออกแล้ว
“หมายความว่ายังไง?” ว่านฉางหรูถาม
ว่านเหวินโยวพูดว่า “ตั้งแต่การประชุมสูงสุดฮ่านหยาง เหม่ยหวากรุ๊ปใช้ชื่อเสียงอำนาจของเจ้านั่นยืนผงาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนธุรกิจตระกูลว่านของเราหลายวันมานี้ก็หดลงกว่าครึ่ง หากว่าจัดตั้งการประชุมสูงสุดฮ่านหยางอีกครั้ง คราวนี้ตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งก็คงจะถูกเปลี่ยนมือด้วย”
“พ่อคิดว่า พวกเราจะอยู่ภายใต้การถูกกลืนกินของเหม่ยหวากรุ๊ปได้อีกนานแค่ไหนครับ?”
ว่านฉางหรูมองลูกชายเจ้าเล่ห์ของตัวเอง แววตามีความตะลึง เห็นได้ชัดว่าว่านเหวินโยวมองอย่างทะลุปรุโปร่ง
“พูดต่อไปสิ”
ว่านเหวินโยวยิ้มเย็นชา”ดังนั้น เจ้านั่นตายไปก็ดี ไม่ตายก็ช่าง สำหรับเรามันไม่สำคัญแล้ว ใช้โอกาสนี้ที่พวกเรายังมีกำลังจะสู้กับเหม่ยหวากรุ๊ปได้ พวกเราก็สู้สักตั้งเถอะครับ! ถ้าไม่สำเร็จ ก็ตายเพราะความสามารถ หากปล่อยให้เหม่ยหวากรุ๊ปกลืนกินกันต่อไป ถึงตอนนั้นพวกเราจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะสู้ด้วยซ้ำ!”
ว่านฉางหรูใช้มือจับหน้าผาก ออกแรงนวดขมับ หลังจากการประชุมสูงสุดฮ่านหยาง ก็เป็นช่วงเวลาที่มหาเศรษฐีคนนี้มีชีวิตลำบากที่สุด
“นายพูดถูก ตอนนี้กำลังของพวกเราเทียบไม่ได้กับเหม่ยหวากรุ๊ปแล้ว หากว่ายังนิ่งดูดายต่อไป อนาคตคงจะหนีชะตาชีวิตที่ถูกเหม่ยหวากรุ๊ปกลืนกินไม่ได้”
“แต่นายเคยคิดหรือเปล่า ว่าตอนนี้เรายังมีกำลังที่จะสู้กับเหม่ยหวากรุ๊ปอีกสักตั้ง แต่โอกาสนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา หากไม่สามารถกำจัดได้ในครั้งเดียว ตระกูลว่านของเราก็จะจบเห่อย่างแท้จริง!”
ว่านเหวินโยวพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มขมขื่นพูดว่า “บอกแล้วว่าสู้สักตั้ง แล้วจะมีความมั่นใจที่จะชนะได้ยังไงกันครับ? พ่อกังวลมากเกินไปแล้ว!”
แววตาของว่านฉางหรูมีความร้ายกาจ พูดอย่างลึกซึ้งว่า “นายพูดผิดแล้ว หากสู้ด้วยความสามารถพวกเราไม่มีความมั่นใจที่จะสำเร็จ แต่ถ้าหากว่าสู้ด้วยชีวิตละ?”
ว่านฉางหรูมองว่านเหวินโยว ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่สายตากลับเป็นความชั่วร้ายที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ว่านเหวินโยวมองพ่อของตัวเองที่อ่อนโยนสง่างามมาตลอดด้วยความตกตะลึง แล้วพนมมือพูดอย่างนับถือว่า “คุณพ่อฉลาดหลักแหลมเหลือเกิน ลูกชายเทียบไม่ได้เลยครับ!”
“นายไปลองดูปฏิกิริยาของเหม่ยหวากรุ๊ปดูก่อน ดูสิว่าเจ้านั่นมันตายไปหรือยัง”
“ครับ”
ว่านเหวินโยวเข็นรถเข็นแล้วจากไป