แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 657
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 657
“ผู้นำตระกูล!”
สมาชิกทั้งหมดของตระกูลเว่ยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว รีบเดินไปอยู่ข้างเว่ยชางหยุน ตอนนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลวุ่นวาย
แต่เว่ยชางหยุนเอียงศีรษะและหมดสติไป
“ผู้นำตระกูล คุณเป็นอะไรไป? รีบเอายาเม็ดมา!” สมาชิกของตระกูลเว่ยตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นพวกเขาก็ช่วยชีวิตเว่ยอวี้เหอเช่นกัน
เสียงราบเรียบของเฉินโม่ดังขึ้นอีกครั้ง “เซวียจื่ออีอยู่ที่ไหน?”
หลังจากนั้น ร่างของเฉินโม่ก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าสมาชิกของตระกูลเว่ย ราวกับเทพเจ้าที่มองสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ตระกูลเว่ยรู้สึกโกรธแค้นและหวาดกลัว แต่ทุกคนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
“รนหาความตาย”
เฉินโม่โกรธจริง ๆ เขายกมือขึ้น จากนั้นศีรษะของผู้อาวุโสของตระกูลเว่ยสองคนก็ตกอยู่บนพื้นทันที
“ห๊ะ!”
สมาชิกของตระกูลเว่ยตกใจจนอดไม่ได้ที่จะถอยไปข้างหลัง แม้แต่เว่ยชางหยุนและเว่ยอวี้เหอก็ถูกพวกเขาทิ้งไว้บนพื้น
ในห้องโถง สีหน้าของนักบู๊หนุ่มบางคนมีร่องรอยความหวาดกลัว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถยอมรับการฆ่าคนได้มากกว่าคนของโลกมนุษย์ แต่มีคนมากมายที่มีชีวิตอยู่ยี่สิบปีแล้ว แต่พวกเขายังไม่เคยเห็นการฆ่าคนจริง ๆ
การสะบัดมือฆ่าคนอย่างเด็ดขาดและโหดเหี้ยมของเฉินโม่ ทำให้นักบู๊หนุ่มเหล่านั้นตกตะลึง
สีหน้าของนักบู๊อาวุโสเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เฉินโม่ฆ่าผู้อาวุโสของตระกูลเว่ยสองคนต่อหน้าพวกเขา มันไม่ต่างไปจากการตบหน้าพวกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวความแข็งแกร่งของเฉินโม่แล้ว คนเหล่านี้คงร่วมมือโจมตีเขาแล้ว
บนเวที สีหน้าของพานรุ่ยหมิงน่าเกลียดมาก หลังจากคิดไตร่ตรองแล้ว แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินโม่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ เว่ยชางหยุนที่เป็นปรมาจารย์ ยังไม่สามารถต้านรับได้แม้แต่หมัดเดียว
ตอนนี้ คนส่วนใหญ่รู้สึกหวาดกลัว กระทั่งลืมข้อตกลงเมื่อวานไปเสียด้วยซ้ำ
และนี่ไม่ใช่สิ่งที่พานรุ่ยหมิงต้องการเห็น
“ทุกท่าน บุคคลนี้มาก่อกวนในการประชุมบู๊แห่งเจียงหนาน ไม่เห็นคนของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานอยู่ในสายตา และฆ่าคนของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนาน ถ้าพวกเราไม่กำจัดเขา แล้วต่อไปคนของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานจะมีหน้าอยู่ในประเทศหัวเซี่ยได้อย่างไร?” พานรุ่ยหมิงกล่าวด้วยความฮึกเหิม
เจ้าสำนักที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเว่ยคนนั้น กล่าวเสียงดังทันทีว่า “พี่พานพูดถูก พวกเราชาวโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานควรจะสามัคคีกัน เพื่อต่อสู้กับศัตรูภายนอก และฆ่าเฉินไต้ซือ!”
“ฆ่าเฉินไต้ซือ! ฆ่าเฉินไต้ซือ!” ผู้นำตระกูลใหญ่หลายคนที่ตกลงนัดหมายเมื่อวาน ต่างแสดงการสนับสนุน
คราวนี้ เกิดความโกลาหลไปทั่วห้องโถง ทุกคนต่างตะโกนว่า “ฆ่าเฉินไต้ซือ ฆ่าเฉินไต้ซือ!”
เซวียมู่หัวมองซ้ายมองขวา และพบว่าตนเองเป็นเหมือนลูกแกะที่ถูกหมาป่าล้อมรอบ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
แต่เซวียมู่หัวพบว่าสีหน้าของเฉินโม่ยังคงราบเรียบ เขาคนเดียวเผชิญกับสมาชิกทั้งหมดของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานที่กำลังโกรธแค้น แต่สีหน้าของเขายังคงสงบ
ตอนนี้ในสมองของเซวียมู่หัวมีเพียงประโยคเดียว “เฉินไต้ซือ สมแล้วที่เป็นเฉินไต้ซือ!”
เมื่อพานรุ่ยหมิงเห็นว่าผลลัพธ์ไม่เลว เขาแอบรู้สึกดีใจ แต่ถ้าให้พวกนักบู๊ที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งต่อสู้กับเฉินโม่ ไม่เพียงแค่ไม่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นภาระอีกด้วย ถ้ามีคนตายมากมาย ก็จะทำให้ขวัญและกำลังใจของคนอื่นลดลงไปด้วย
“คนของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนานทุกคนล้วนเป็นคนเก่ง แต่พวกเราไม่สามารถอาศัยว่ามีคนมากกว่าแล้วรังแกคนน้อยกว่า ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะพวกเราได้ ผมจะเลือกตัวแทนออกมา แล้วสู้ตายกับเขา!”
“ตกลง!” ตอนนี้คนส่วนใหญ่ถูกพานรุ่ยหมิงจูงจมูกแล้ว เขาพูดอะไรก็ทำตามทุกอย่าง มีเพียงนักบู๊บางคนที่มีพลังบำเพ็ญสูงเท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบ
พานรุ่ยหมิงเลือกนักบู๊ออกมาหกคน และทุกคนล้วนเป็นปรมาจารย์!
ปรมาจารย์หกคน ซึ่งเกือบจะบอกได้ว่าเป็นการรวมตัวของยอดฝีมือดีที่สุดของโลกฝึกบู๊แห่งเจียงหนาน
เซวียมู่หัวรู้สึกดูถูกพวกเขาเล็กน้อย “ยังคงอาศัยว่ามีคนมากกว่าแล้วรังแกคนน้อยกว่าอยู่ดี?”
ตอนนี้ผู้นำหม่าและผู้อาวุโสเการู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเช่นกัน ปากบอกว่าไม่สามารถอาศัยคนมากกว่าแล้วรังแกคนน้อยกว่า แต่เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่พวกเขาทำคืออาศัยว่ามีคนมากกว่าแล้วรังแกคนน้อยกว่า
แต่เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งที่ทรงพลังของเฉินโม่เมื่อสักครู่แล้ว การที่พานรุ่ยหมิงทำเช่นนี้ ก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมด