แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 710
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 710
อย่างไรก็ตาม เพราะประเทศหัวเซี่ยคนเยอะมาก ถึงแม้จะเป็นมหาวิทยาลัยระดับสอง แต่ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของนักศึกษามากมาย สามารถทำให้พวกเขาเพลิดเพลินกับชีวิตของมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่
ท้องฟ้าแจ่มใส เฉินโม่ยืนอยู่หน้าแผ่นศิลาจารึกที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยหัวหนาน รู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานและทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป
หลังจากผ่านไปหกร้อยปี ในที่สุดเขาก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความสุขและความเสียใจ หวนคิดถึงวันที่รับปริญญา เพราะวันนั้นเขาร้องไห้อย่างหนัก
ครูสาวสวยที่แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงเรียบ ๆ ผมยาวสลวย มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่บนใบหน้าเสมอ และจิตใจโอบอ้อมอารี แต่กลับเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งทำให้เฉินโม่รู้สึกเสียใจมาก
สาวสวยที่อบอุ่นและร้อนแรงเหมือนไฟ แต่กลับทำให้เฉินโม่รู้สึกผิดต่อเธอไปตลอดชีวิต
เพื่อนสนิทที่ชกต่อยด้วยกัน ที่ทนการเฆี่ยนตีมาด้วยกัน ที่อดนอนมาด้วยกันทั้งคืน และนั่งอยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัยเพื่อมองนักศึกษาใหม่ด้วยกัน พวกคุณยังอยู่ไหม?
“เพื่อนสนิททั้งหลาย เพื่อนเก่ากลับมาแล้ว เหล้ายังอุ่นอยู่ไหม” รอยยิ้มหายากปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินโม่
ที่หน้าประตู มีรถยนต์หรูต่าง ๆ เข้ามาจอดเรื่อย ๆ และนักศึกษาทุกคนถูกพ่อแม่พูดกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงแต่ชาติก่อน เฉินโม่มารายงานตัวที่มหาวิทยาลัยตามลำพัง หลังจากเกิดใหม่ สถานการณ์แบบนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงและยังคงเหมือนเดิม
ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่เมื่อเขานึกถึงรูปแบบการเลี้ยงดูที่‘ยากจนข้นแค้น’ของแม่แล้ว ทำให้เฉินโม่ยิ้มด้วยความขมขื่น
ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เรียนมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัย ทำให้เฉินโม่ลำบากไม่น้อย
เหล่ารุ่นพี่นั่งอยู่ตรงหัวมุมของประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย มองสำรวจนักศึกษาที่เข้ามาใหม่ เพื่อมองหานักศึกษาสาวสวยน้องใหม่
เมื่อก่อนตอนที่เฉินโม่และเพื่อนเรียนปีสาม ก็ทำแบบเดียวกันกับที่พวกเขาทำ แต่หลังจากคราวนั้น ผู้หญิงสวมชุดแดงที่ร้อนแรงเหมือนไฟ ตามทุบตีเฉินโม่หนึ่งอาทิตย์
“หรูหั่ว ชาตินี้ ผมจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน รอผมด้วย!” ดวงตาของเฉินโม่ประกายความแน่วแน่ ถึงท้องทะเลจะแห้ง หินผาจะแหลกสลาย เขาก็ไม่หวั่นไหว
เฉินโม่เดินตามเส้นทางในความทรงจำ แล้วเดินตรงไปที่สำนักงานทะเบียนรายงานตัวสำหรับนักศึกษาใหม่ หลังจากลงทะเบียนเสร็จแล้ว เขาได้รับการจัดสรรชั้นเรียนและหอพัก
“แน่นอนว่ายังเป็นห้องสามของคณะการจัดการ และหอพักคือห้อง 306 ของอาคาร 5 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
เฉินโม่ไม่ได้ถามทางกับใคร เขาเดินตรงไปที่อาคาร 5 แล้วผลักประตูห้อง 306
เตียงธรรมดาสองชั้น สำหรับพักอาศัยแปดคน แต่อาจเป็นเพราะอาคารเก่า ดูเหมือนห้องจะล้าสมัยไปหน่อย
มีคนนั่งอยู่บนเตียงล่างสามเตียง และพวกเขาจัดที่นอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนเตียงล่างเตียงสุดท้ายมีกล่องวางอยู่ เห็นได้ชัดว่ามีคนจับจองแล้ว
เมื่อเห็นเฉินโม่เดินเข้ามา ชายรูปร่างอ้วน ผมเกรียนและสีหน้าซื่อ ๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นายเป็นรูมเมทคนใหม่ของพวกเราใช่ไหม?”
ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็จะรู้สึกสับสนกับบุคลิกภายนอกของเขา แต่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเฉินโม่
เจ้าหมอนี้ชื่อจี๋ต๋าจิ่วตู เป็นชาวเหลียงในมณฑลซีชวน และเป็นชนกลุ่มน้อยเพียงคนเดียวในหอพัก
ชาติก่อนตอนที่เฉินโม่มาตอนแรก เขารู้สึกสับสนกับบุคลิกภายนอกของเขา แต่หลังจากถูกหลอกหลายครั้ง เขาถึงได้รู้ว่าเจ้าหมอนี้เป็นคนเลวที่สุดในหอพัก
แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นรูมเมท จี๋ต๋าจิ่วตูจึงไม่ได้ทำอะไรมากเกินไป และสันดานเดิมของเขาก็ไม่ได้เลวร้าย สุดท้ายพวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิท
เฉินโม่พยักหน้า มองจิ่วต้าจิ่วตู แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อเฉินโม่”
ทันใดนั้นจี๋ต๋าจิ่วตูรู้สึกว่าเมื่อตนเองอยู่ต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นใหม่คนนี้แล้ว ตนเองเหมือนผู้หญิงที่ไม่สวมเสื้อผ้า เพราะเขามองทะลุความคิดของตนเองได้ทุกอย่าง
กระทั่งเขาลืมไปเลยว่าจะพูดอะไรต่อ
“สวัสดีครับ ผมชื่อห่าวเจี้ยน แซ่ห่าวเป็นแซ่เดียวกับแม่ทัพห่าวจ้าวที่มีชื่อเสียงในสมัยสามก๊กตอนปลาย ส่วนชื่อเจี้ยนมีความหมายว่าสร้าง อย่าจำผิดเด็ดขาด!” ชายร่างผอมบางที่นั่งเตียงชั้นล่างตรงข้ามจี๋ต๋าจิ่วตู สวมแว่นขอบดำขนาดใหญ่ ที่ไม่ว่าจะมองใครก็ต้องหลบสายตา กล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างระมัดระวัง