แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 714
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 714
เฉินโม่รู้ แต่เฉินโม่ไม่อยากจะเอ่ยชื่อของบุคคลนั้น
เจี่ยจวินเซี่ยเหลือบมองจี๋ต๋าจิ่วตูและกล่าวว่า “นายจะไปยุ่งทำไม มีคนเป็นเจ้ามือเลี้ยง นายแค่กินอย่างเดียวก็พอแล้ว”
จี๋ต๋าจิ่วตูหัวเราะและกล่าวว่า “มันก็ใช่ มีคนอยากจะเสียเงินเปล่า ๆ ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเกรงใจ”
โต๊ะถัดไป เพื่อนร่วมชั้นกำลังคุยกัน “ฉันได้ยินมาว่าเสิ่นเจี้ยนเหวิน คุณชายของตระกูลเสิ่น เป็นคนจัดการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ หรือว่าเสิ่นเจี้ยนเหวินอยู่ห้องเดียวกับพวกเราด้วย?”
“น่าจะไม่ผิด มิเช่นนั้นเขาจะจัดประชุมแลกเปลี่ยนกับห้องของพวกเราทำไม”
“เสิ่นเจี้ยนเหวินเป็นคุณชายของตระกูลเสิ่นแห่งเมืองหนานหัว ถ้าสามารถผูกมิตรกับคุณชายของตระกูลเสิ่นได้ ต่อไปเวลาสี่ปีที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกคนอื่นรังแก”
“ถูกต้อง ตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลใหญ่ที่สุดในเมืองหนานหัว แล้วใครจะกล้ายั่วยุคุณชายของตระกูลเสิ่นล่ะ?”
สีหน้าของเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่นั่งอยู่โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการผูกมิตรกับคุณชายของตระกูลเสิ่น
จี๋ต๋าจิ่วตูเหลือบมองเฉินโม่และคนอื่น ๆ แล้วถามว่า “พวกนายเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคุณชายของตระกูลเสิ่นหรือไม่? รู้สึกเหมือนกับว่าเขาเก่งมาก!”
ห่าวเจี้ยนส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ไม่…ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
เจี่ยจวินเซี่ยยิ้มบาง ๆ “ตระกูลเสิ่นแห่งเมืองหนานหัว มีคุณสมบัติที่จะเหมาสถานที่นี่จริง ๆ!”
สายตาของเฉินโม่จับจ้องร่างที่สวมชุดสีแดงที่อยู่ไม่ไกลตลอดเวลา ชาตินี้นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกัน และไม่รู้ว่าพวกเขาจะรู้จักกันในรูปแบบไหน
“เฮ้ เสี่ยวโม่ อย่ามองอีกเลย มองไปก็เปล่าประโยชน์ ผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่คนอย่างพวกเราจะสามารถเอื้อมถึงได้ มองคนที่เป็นไปได้ดีกว่า เช่น ผู้หญิงที่อยู่ข้างหลังนายก็ไม่เลวน่ะ” จี๋ต๋าจิ่วตูมองผู้หญิงสิวเต็มหน้าที่นั่งอยู่ข้างหลังเฉินโม่ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เฉินโม่ยิ้มบาง ๆ ไม่ได้หันกลับไปมอง แต่ยิ้มด้วยความหยอกล้อว่า “ยังไม่ได้ลอง แล้วนายรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นไปไม่ได้?”
เจี่ยจวินเซี่ยเหลือบมองเฉินโม่ และกล่าวอย่างมีความหมาย “สถานะครอบครัวของผู้หญิงชุดแดงคนนั้นแข็งแกร่งกว่าคุณชายของตระกูลเสิ่นมาก ถ้าพวกนายคิดจะจีบเธอ ฉันขอแนะนำให้พวกนายคิดไตร่ตรองให้ดี สุดท้ายจะได้ไม่ทำร้ายตนเอง”
จี๋ต๋าจิ่วตูกล่าวด้วยความไม่พอใจว่า “ไอ้เจี่ย นายอย่าพูดโจมตีคนอย่างนั้นสิ นายปล่อยให้เฉินโม่มีความหวังเล็กน้อยก็ยังดี ยังไม่ทันได้เริ่มต้น ก็ถูกนายสกัดกั้นแล้ว!”
เหวินถิงอี้กล่าวอย่างจริงจังว่า “พี่เจี่ยหวังดี ทุกคนอย่าเข้าใจเขาผิด!”
“ไม่ได้เข้าใจผิด ขอบ่นหน่อยไม่ได้เหรอ?” จี๋ต๋าจิ่วตูกลอกตา
ขณะนี้ ชายหนุ่มหน้าตาดีที่อยู่ด้านหน้าลุกขึ้นทันที แล้วเดินขึ้นไปบนเวทีที่อยู่ด้านหน้า หยิบไมโครโฟนที่อยู่ด้านข้าง ลองเสียงแล้วกล่าวว่า “นักศึกษาทุกคน ได้โปรดเงียบ!”
สายตาของทุกคนถูกเขาดึงดูดทันที และเกือบทุกคนมองเขาด้วยความสงสัย ไม่เว้นแม้แต่เฉินโม่
เพื่อนร่วมชั้นกระแอมเบา ๆ และกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้ว เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่ก็มาถึงแล้ว ตอนนี้ พวกเราขอเชิญคุณชายเสิ่นเจี้ยนเหวิน ซึ่งเป็นคนที่จัดการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้!”
แป๊ะ ๆ ๆ
เสียงปรบมืออย่างอบอุ่นดังมาจากด้านล่าง
จี๋ต๋าจิ่วตูไม่เห็นด้วยและกล่าวเบา ๆ ว่า “เป็นเจ้ามือเลี้ยงก็เลี้ยงไปสิ ไม่เห็นจะต้องทำเป็นทางการขนาดนี้ แค่เจตนาอยากจะโอ้อวดเท่านั้น?
ห่าวเจี้ยนพูดโจมตีเขาอย่างไร้ความปรานี “ไอ้อ้วน ฉันคิดว่านายอิจฉาที่คนอื่นรวยกว่านาย ถ้านายแน่จริงก็จัดงานที่นี่สักงานสิ นายก็สามารถโอ้อวดได้เช่นกัน!”
จี๋ต๋าจิ่วตูจ้องหน้าห่าวเจี้ยนทันที และกล่าวด้วยความโมโหว่า “ห่าวเจี้ยน นายคอยดูเถอะ เรื่องนี้ไม่จบแน่นอน!”
เสียงปรบมือหยุดลง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมชุดทักซิโด้สีขาว ค่อย ๆ เดินออกมาจากหลังเวที
สีหน้าที่สงบและมีรอยยิ้มบาง ๆ และหน้าตาที่หล่อเหลา ทำให้เพื่อนร่วมชั้นส่วนใหญ่เกิดความรู้สึกที่ดีต่อเขา
ผู้หญิงบางคนที่ไม่ค่อยสำรวม เริ่มส่งสายตาให้เสิ่นเจี้ยนเหวิน
สูงรวยหล่อ ที่พูดถึงน่าจะเป็นคนประเภทนี้