แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 722
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 722
คราวนี้ แม้แต่เสิ่นเจี้ยนเหวินก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย รอยยิ้มมั่นใจบนหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอึดอัดทันที
มือของเจียงเสวี่ยที่อยู่ใต้โต๊ะสัมผัสเล่หรูหั่วเบา ๆ และขยิบตาให้เล่หรูหั่ว แต่ดูเหมือนว่าเล่หรูหั่วจะมองไม่เห็น และไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย
ผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างหลังเสิ่นเจี้ยนเหวินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเสิ่นเจี้ยนเหวินหยุดเอาไว้
เสิ่นเจี้ยนเหวินมองเล่หรูหั่ว เขายังคงแสดงความเป็นสุภาพบุรุษและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เล่หรูหั่ว ทำไมคุณถึงลำเอียง? ผมเจี้ยนเหวินทำอะไรผิดหรือเปล่า? ”
เล่หรูหั่วส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่! เพียงแต่ฉันไม่อยากจะนั่งกับคุณเท่านั้น”
เล่หรูหั่วมองเสิ่นเจี้ยนเหวินอย่างไม่เกรงกลัว “ฉันคิดว่าฉันมีสิทธิ์นั้น!”
ในที่สุด รอยยิ้มของเสิ่นเจี้ยนเหวินก็หายไป เขามองเล่หรูหั่วด้วยสายตาเย็นชาเล็กน้อย และเขาสามารถเห็นร่องรอยความรังเกียจอยู่ในดวงตาของเล่หรูหั่ว ซึ่งทำให้คุณชายเสิ่นที่จองหองตลอดมารู้สึกสะเทือนใจ
เสิ่นเจี้ยนเหวินรู้สึกโกรธมาก แต่เขาไม่ได้โกรธเล่หรูหั่ว ความโกรธจากการปฏิบัติไม่เป็นธรรมที่เขาได้รับจากเล่หรูหั่วทั้งหมดถูกย้ายไปที่เฉินโม่ เขาคิดว่าเป็นเพราะเฉินโม่มาก่อน จนทำให้หัวใจของเล่หรูหั่วไม่มีที่ว่างสำหรับผู้ชายคนอื่นอีก
เดิมทีเขาควรจะเป็นคนแรกที่นั่งอยู่ข้างเล่หรูหั่ว แต่เฉินโม่แย่งที่นั่งของเขาไป
เฉินโม่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่ก็คือเล่หรูหั่ว หากเธอไม่ชอบ เธอก็จะปฏิเสธทันที ไม่เคยอืดอาดยืดยาด ไม่เคยคำนึงถึงฐานะครอบครัวและสถานะตัวตน
ปฏิเสธเพราะไม่ชอบ มันง่าย ๆ แบบนี้แหละ
ผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างหลังเสิ่นเจี้ยนเหวินอดไม่ได้ที่จะพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา หนึ่งในนั้นกล่าวด้วยความเย่อหยิ่งว่า “คุณชายเสิ่นเป็นคนเหมาห้องนี้ คุณชายเสิ่นสามารถนั่งได้ทุกที่ตามต้องการ!”
ส่วนอีกคนกล่าวเยาะเย้ยว่า “การที่คุณชายเสิ่นนั่งกับพวกคุณ ถือเป็นเกียรติของพวกคุณแล้ว!”
คราวนี้ เสิ่นเจี้ยนเหวินไม่ได้ขัดขวาง แต่รอการตอบสนองของเล่หรูหั่วด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าของเล่หรูหั่วเปลี่ยนเป็นเย็นขา แม้แต่เจียงเสวี่ยที่นั่งอยู่ด้านข้างยังรู้สึกว่าคำพูดของผู้ชายคนนั้นมากเกินไป
นักศึกษาคนอื่นต่างมองไปที่โต๊ะของเล่หรูหั่วด้วยสีหน้าแตกต่างกัน พวกเขาอยากรู้ว่าเล่หรูหั่วกับเฉินโม่จะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
เล่หรูหั่วหันไปมองเสิ่นเจี้ยนเหวินและกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ความหมายของนักศึกษาคนนี้คือพวกเราควรจะสละที่นั่งให้คุณชายเสิ่น? คุณชายเสิ่นมันหมายความว่าแบบนี้ใช่ไหม?”
สีหน้าของเสิ่นเจี้ยนเหวินยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หรูหั่วเข้าใจผิดแล้ว การที่คุณสามารถมาร่วมงานการประชุมแลกเปลี่ยนของนักศึกษาคราวนี้ได้ ถือเป็นเกียรติของเจี้ยนเหวินต่างหาก”
จากนั้นเสิ่นเจี้ยนเหวินก็หันไปมองทางอื่น และกล่าวว่า “แต่ผมไม่ต้อนรับคนบางคนที่มีเจตนาแอบแฝง!”
สายตาของนักศึกษาทั้งหมดจับจ้องไปที่เฉินโม่ทันที ทุกคนสามารถฟังออกว่าคนที่เสิ่นเจี้ยนเหวินพูดถึงคือเฉินโม่
เฉินโม่สัมผัสได้ถึงสายตาที่จับจ้องอยู่รอบ ๆ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย และมองเสิ่นเจี้ยนเหวินด้วยสายตาหยอกล้อ
ชาติก่อนเฉินโม่เป็นเพียงคุณชายของเหม่ยหวา กรุ๊ปเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงกลัวเสิ่นเจี้ยนเหวิน แต่ชาตินี้เมื่อเสิ่นเจี้ยนเหวินอยู่ต่อหน้าเฉินโม่แล้ว เขาเป็นเพียงมดตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้เฉินโม่จึงไม่ยอมเขาอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่เฉินโม่จะเอ่ยปาก จี๋ต๋าจิ่วตูที่อยู่ไม่ไกลก็ทุบโต๊ะและยืนขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แล้วตอนแรกใครเป็นคนที่พยายามเชิญนักศึกษาทุกคนมาร่วมการประชุมแลกเปลี่ยนครั้งนี้ล่ะ? พอถูกเล่หรูหั่วปฏิเสธ ก็ระบายความโกรธไปที่คนอื่น ไม่รู้ว่าใครมีเจตนาแอบแฝงกันแน่?”
ห่าวเจี้ยนยืนขึ้นด้วยความชอบธรรมเช่นกัน กล่าวสนับสนุนจี๋ต๋าจิ่วตูว่า “ถูกต้อง ถ้าไม่อยากให้พวกเรามาร่วมงาน ก็อย่าพูดจาโอ้อวดตั้งแต่แรก!”
จี๋ต๋าจิ่วตูมองห่าวเจี้ยนด้วยสายตาเห็นด้วย
ห่าวเจี้ยนกล่าวต่อไปว่า “ถึงแม้ไอ้อ้วนจะบอกว่าเขายังไม่เคยมากินอาหารของที่นี่มาก่อน แต่พวกเราก็ไม่แคร์หรอก!”
สายตาของจี๋ต๋าจิ่วตูเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เพิกเฉยต่อประโยคนั้นของห่าวเจี้ยนทันที
กลุ่มนักศึกษาหัวเราะเยาะเบา ๆ ตอนนี้ภาพลักษณ์ของเสิ่นเจี้ยนเหวินที่อยู่ในใจของทุกคนลดลงไปมาก