แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 808
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 808
“ไอ้กู่ ชนะแล้วเหรอ?” จี๋ต๋าจิ่วตูเหมือนอยู่ในความฝัน เหมือนยังไม่กล้าที่จะเชื่อ
เจี่ยจวินเซี่ยมองไปที่เฉินโม่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน “มิน่าล่ะเมื่อครู่กู่หลินเฟิงถึงบอกว่าเฉินโม่มีบุญคุณมากมายกับเขา ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีวันชดใช้ได้หมด ไม่แปลกใจเลยที่เฉินโม่รับของกำนัลล้ำค่าจากกู่หลินเฟิงอย่างสบายใจ คำตอบอยู่ตรงนี้นี่เอง!”
“คุณชายเสิ่น ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน!” ลูกสมุนของเสิ่นเจี้ยนเหวินกลืนน้ำลาย กระซิบเบาๆ ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
เสิ่นเจี้ยนเหวินชำเลืองมองหยุนเทียนหลิงที่นอนอยู่บนพื้น พูดอย่างเด็ดขาดในทันใด “กลับ!”
จากนั้นเสิ่นเจี้ยนเหวินก็พาบรรดาลูกสมุนหายตัวไปในฝูงชนอย่างเงียบๆ
หยุนเทียนหลิงพยายามลุกขึ้นจากพื้น มองไปที่กู่หลินเฟิงด้วยความตกตะลึง “นี่มันเคล็ดวิชาบู๊อะไร? ตระกูลกู่ของนายไม่เคยมีเคล็ดวิชาบู๊แบบนี้แน่นอน!”
กู่หลินเฟิงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “นี่คือสิ่งที่เฉินโม่สั่งสอน ส่วนผมแค่ครอบครองพละกำลังหนึ่งในสิบ หากผมสามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดของหมัดนี้ แค่หมัดเดียวก็สามารถฆ่านายได้แล้ว!”
หยุนเทียนหลิงหัวเราะเยาะตัวเอง “นายสามารถเอาชนะกระบี่สับแยกสวรรค์ของตระกูลหยุนด้วยพละกำลังเพียงหนึ่งในสิบ ไอ้หนุ่ม นายมีสมบัติให้โอ้อวดได้จริงๆ!”
“แต่ถึงแม้นายจะเอาชนะผมได้ แต่นายสามารถต่อสู้กับตระกูลหยุนแห่งจงไห่ของผมทั้งหมดได้หรือไม่? เมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ตระกูลหยุนของเรา พวกคุณก็ยังเป็นมดเหมือนเดิม!”
ปรมาจารย์!
เมื่อได้ยินสองคำนี้ กู่หลินเฟิงไม่มีความยินดีของผู้กำชัยชนะแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับดูเคร่งขรึม
ที่ตระกูลหยุนแข็งแกร่งก็เพราะมีปรมาจารย์นั่งบัญชาการตระกูลหยุนอยู่ ที่หยุนเทียนหลิงหยิ่งผยองก็เพราะมีตระกูลหยุนคอยหนุนหลังเขาอยู่
ปรมาจารย์ แสดงถึงจุดสูงสุดของโลกฝึกบู๊ เป็นบุคคลที่เปรียบเสมือนมังกรเทพบนท้องฟ้า!
อย่างที่หยุนเทียนหลิงบอก การเอาชนะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ พวกเขาก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เหมือนเดิม
เพราะพวกเขากับปรมาจารย์ มาจากคนละโลกอย่างสิ้นเชิง
เล่หรูหั่วขมวดคิ้วแน่น เธออดทนกับหยุนเทียนหลิงมาโดยตลอด เพราะเธอรู้ว่าตระกูลหยุนน่ากลัวเพียงใด
จะจัดการกับหยุนเทียนหลิงนั้นไม่ยาก แต่การจัดการกับตระกูลหยุนที่คอยหนุนหลังเขา มันยากพอๆ กับการขึ้นสวรรค์!
“หยุนเทียนหลิง ก่อกรรมทำเข็ญก็ต้องรับผลกรรม วางมือเถอะ!” เล่หรูหั่วเกลี้ยกล่อม
หยุนเทียนหลิงยิ้มเยาะ “วางมือ? ฮ่าฮ่า พวกคุณเตรียมรอรับไฟโทสะของตระกูลหยุนของผมได้เลย!”
เฉินโม่ยิ้มบางๆ พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “ไม่ต้องเป็นห่วง ต่อให้ตระกูลหยุนของพวกคุณไม่มาหาผม ผมก็จะไปหาอยู่ดี”
หยุนเทียนหลิงดุด่าเสียงแข็ง “ยโสนัก! ไอ้หนุ่ม ความสามารถอันน้อยนิดของนายเมื่อมาอยู่ต่อหน้าตระกูลหยุนของผม มันไม่มีค่าให้พูดถึงสักนิด!”
เฉินโม่ตาต่อตาฟันต่อฟัน “ในสายตาของผม ตระกูลหยุนเป็นแค่มด”
หยุนเทียนหลิงจ้องไปที่เฉินโม่อย่างโกรธเกรี้ยว สีหน้าดุดัน “ไอ้หนุ่ม จำสิ่งที่นายพูดในวันนี้เอาไว้ นายจะต้องจ่ายราคาสูงสำหรับการสบประมาทตระกูลหยุนของเรา!”
สีหน้าเฉินโม่เย็นชา พูดออกมาคำเดียว “ไสหัวไป!”
หากหยุนเทียนหลิงยังพูดต่อไป เขากลัวว่าจะควบคุมตัวเองไม่อยู่พลั้งมือฆ่าเขา
หยุนเทียนหลิงกัดฟัน พลางหันหลังเดินจากไป
ก่อนไป เขาจ้องเขม็งไปที่เล่หรูหั่วด้วยความขุ่นเคือง “ผมจะไปคิดบัญชีแค้นกับเล่ชิงชาง”
เล่หรูหั่วยังคงนิ่งเงียบ แต่กัดฟันกรอด คนอย่างหยุนเทียนหลิงไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
“เร็ว เร็วเข้า!” บรรดาเพื่อนนักเรียนที่หัวเราะเยาะเฉินโม่เมื่อครู่ แต่ละคนรีบจากไปเงียบๆ กลัวว่าเฉินโม่จะมาคิดบัญชีกับเขา
ฝูงชนทางด้านหลัง เฉินทงมองไปที่เฉินโม่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วจากไปอย่างเงียบๆ ตามกระแสคนที่หลั่งไหลไป
เฉินโม่มองไปที่เล่หรูหั่ว แล้วพูดอย่างเฉยเมย “กับคนแบบนั้น เธอไม่จำเป็นต้องอดทน”
เล่หรูหั่วส่ายหัว “ฉันไม่เหมือนนาย สิ่งที่นายทำ แต่สำหรับฉันมันทำไม่ได้”
“เป็นเพราะตระกูลเล่ที่คอยหนุนหลังเธอหรือเปล่า?”
เสียงของเฉินโม่ราบเรียบ มองไปที่เล่หรูหั่วอย่างเงียบๆ แม้จะบอกว่าตระกูลเล่เป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็ไม่มีความยำเกรงเลยแม้แต่นิดเดียว
เล่หรูหั่วรู้สึกจิตใจว้าวุ่น เธอรู้สึกเหมือนเป็นคนโปร่งแสงเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินโม่ เธอไม่สามารถปิดบังอะไรจากเฉินโม่ได้