แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 817
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 817
ในตอนบ่าย แสงแดดกำลังดี ณ สนามกีฬาของมหาวิทยาลัยหัวหนาน
เฉินโม่และมู่หรงยานเอ๋อร์ผู้งดงามและเงียบสงบนั่งเคียงข้างกันบนม้านั่งยาวใต้เงาไม้ พูดคุยสัพเพเหระกัน
จี๋ต๋าจิ่วตูเดินเข้ามาทำลายบรรยากาศ มองไปที่เฉินโม่แล้วถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เฉินโม่ ผมจะถามนายอีกครั้ง ในคลิปวิดีโอคนที่เดินบนผิวทะเลใช่นายหรือเปล่า?”
“ถ้านายยังเล่นละครตบตาผมต่อไป ผมสาบานว่าผมจะตัดสัมพันธ์ทั้งหมดกับนาย!” ท่าทีของจี๋ต๋าจิ่วตูนั้นเด็ดเดี่ยวมาก
เฉินโม่และมู่หรงยานเอ๋อร์ยิ้มให้กัน เอ่ยขึ้นช้าๆ “งั้นนายก็ตัดสัมพันธ์กับผมเถอะ!”
จี๋ต๋าจิ่วตูเป็นเหมือนลูกบอลที่ลมรั่วจนแฟบ
“เอาล่ะ ถือว่าผมไม่ได้พูด!” จี๋ต๋าจิ่วตูพูดไม่ออก
จากนั้นก็มองไปที่เฉินโม่ด้วยสีหน้าประจบประแจง เผยธาตุแท้ออกมา “เมื่อไหร่นายจะถ่ายทอดทักษะให้ผม ผมจะได้เก่งกาจเหมือนนาย?”
นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาสินะ!
เฉินโม่ยิ้มเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้าลึกล้ำยากจะคาดเดา “เวลานี้ยังไม่สุกงอมดี เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะสอนนายเอง”
“ข้ออ้าง! ประโยคนี้นายพูดมามากกว่าสิบครั้งแล้ว เห็นได้ชัดว่านายกำลังเล่นละครตบตาผมอยู่!” จี๋ต๋าจิ่วตูโกรธจัด หน้าตาไม่เป็นมิตร
เฉินโม่ยักไหล่แล้วผายมือออก “ถ้านายไม่เชื่อผมก็จนปัญญา หรือจะให้ผมไล่นายออกจากสำนักตอนนี้ดีไหม? นายจะได้ไปหาอาจารย์ชื่อดังคนอื่นได้!”
จี๋ต๋าจิ่วตูประนีประนอม “ไม่ ไม่ ผมรอให้ถึงเวลาสุกงอมอย่างสงบดีกว่า!”
“ฮ่าฮ่า!” ห่าวเจี้ยนและคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าข้างๆ หัวเราะขึ้นมา
ทันใดนั้น เฉินโม่เหมือนรู้สึกได้ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปข้างหน้า
ตรงนั้นเล่หรูหั่วในชุดสีแดง กำลังเดินมุ่งหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์อย่างช้าๆ แสงสว่างจ้าตา
พวกที่เหลือมองตามสายตาของเฉินโม่ไป พบว่าเล่หรูหั่วกำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา จึงตกตะลึงเล็กน้อย
ความอ่อนโยนปรากฏขึ้นในแววตาของเฉินโม่ มองดูเล่หรูหั่วเดินเข้าไปหาเธออย่างสง่างามอยู่เงียบๆ
เล่หรูหั่วยืนสงบเสงี่ยมอยู่หน้าเฉินโม่ ผมยาวประบ่าทั้งสอง เธอมองไปที่เฉินโม่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุยด้วยได้ไหม?”
เฉินโม่พยักหน้า
มู่หรงยานเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนอย่างรู้กาลเทศะ หลีกทางให้เล่หรูหั่วด้วยตัวเอง “ฉันจะไปเดินเล่นตรงนั้นหน่อย”
เฉินโม่มองไปที่มู่หรงยานเอ๋อร์ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ความจริงเธอไม่ต้องหลบเลี่ยงหรอก”
มู่หรงยานเอ๋อร์ยิ้ม พยักหน้าให้เล่หรูหั่ว แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองตามแผ่นหลังที่ผอมบางของมู่หรงยานเอ๋อร์ไป เล่หรูหั่วก็ถอนหายใจ “ช่างเป็นเด็กดีอะไรอย่างนี้”
“เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เฉินโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เล่หรูหั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเยาะตนเอง “อย่ามานับฉันเลย!”
ทั้งสองเงียบไปครู่หนึ่ง ต่างมองออกไปไกลอย่างว่างเปล่า
“ครั้งก่อนฉันพูดแรงไป นายไม่โกรธใช่ไหม?”
เฉินโม่พูดเบาๆ “ไม่เป็นไร เธอหวังดีกับผมเท่านั้นเอง”
“ตระกูลหยุนไม่ได้มาหาเรื่องนายใช่ไหม?” เล่หรูหั่วถาม
เฉินโม่ยิ้มเล็กน้อย แววตาฉายความเยือกเย็น “ผมอยากให้พวกเขามาต่างหาก!”
เล่หรูหั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย ความกังวลปรากฏขึ้นในสายตา เกลี้ยกล่อมด้วยเสียงเบาๆ “นายไม่สามารถไปยั่วยุตระกูลหยุนได้จริงๆ นายช่วยฟังฉันสักคำเถอะ!”
เฉินโม่ไม่ต้องการพูดถึงหัวข้อนี้อีกต่อไป หันไปมองเธอแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอมาที่นี่เพื่อที่จะพูดเรื่องพวกนี้กับผมหรือ?”
เล่หรูหั่วพยักหน้าจริงจังอย่างคาดไม่ถึง “อืม!”
“คราวก่อนฉันพูดแรงไปหน่อย ฉันกลัวว่านายจะสะเทือนใจ แล้วไปทำอะไรโง่ๆ”
เฉินโม่เกิดอารมณ์อยากจะร้องไห้ขึ้นมา “ผมเด็กเกินไปในสายตาเธอขนาดนั้นเลยหรือ?”
เล่หรูหั่วครุ่นคิดอย่างจริงจังและพยักหน้าอีกครั้ง “พวกเราเป็นคนประเภทเดียวกัน บางครั้งก็ดูเป็นผู้ใหญ่มาก แต่เมื่อตัดสินใจบางเรื่องไปแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง พวกเราจึงเป็นคนที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากที่สุดเช่นกัน”