แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 839
กรงเล็บขนาดยักษ์เหมือนสายฟ้าสองเส้นที่ทะลุผ่านท้องฟ้ายามราตรี และฉีกท้องฟ้าออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยพลังมหาศาล พุ่งเข้ามาหาเฉินซงจื่อ
สีหน้าของหยูหมั่นกวน ผู้นำตระกูลหยู ซึ่งเป็นตระกูลใหญ่อันดับสองในโลกฝึกบู๊ของเมืองจงไห่ เต็มไปด้วยความตกใจ “นั่นคือ… วิชาหัตถ์มังกร!”
“เป็นท่าไม้ตายที่มีชื่อเสียงของหยุนคงมานานนับสิบปี!”
“คราวนี้นักพรตเฒ่าต้องแพ้อย่างแน่นอน”
“ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตจากวิชาหัตถ์มังกรของเขาได้ ตอนนั้นชื่อเสียงของวิชาหัตถ์มังกรสะท้านไปทั่วโลกฝึกบู๊เป็นเวลานาน!” ผู้นำตระกูลอีกคนถอนหายใจและกล่าว
บรรดาคนที่เป็นสมาชิกของตระกูลบู๊ ต่างมองการโจมตีที่ทรงพลังของหยุนคง ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ
นึกไม่ถึงว่าหยุนคงที่หายตัวไปสิบปี เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง พลังความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นทรงพลังกว่าเมื่อก่อนมาก
หยุนหยานกล่าวเยาะเย้ย “คุณท่านใช้วิชาหัตถ์มังกรแล้ว นักพรตเฉินแพ้แน่นอน!”
หยุนซานพยักหน้าและกล่าวว่า “เขาสามารถบีบบังคับจนคุณท่านต้องใช้วิชาหัตถ์มังกร พลังความแข็งแกร่งของนักพรตเฉินน่าทึ่งจริง ๆ ถ้าไม่มีคุณท่าน ตระกูลหยุนคงไม่สามารถรักษาตำแหน่งตระกูลบู๊อันดับหนึ่งไว้ได้”
สีหน้าของหยุนเทียนหลิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความอิจฉา มองหยุนคงที่อยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าเลื่อมใส
“ฮึ่ม สถานะของตระกูลหยุน ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่ไร้สำนักและไม่มีพื้นฐานความแข็งแกร่งจะสามารถเทียบได้!”
เฉินซงจื่อไม่สนใจความคิดเห็นของคนพวกนั้น เขาปล่อยพลังหมัดขึ้นไปบนฟ้า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขายืนอยู่กลางพายุหมุนที่พัดกระหน่ำ
และตอนที่พวกเขาสองคนปะทะกัน เหมือนว่าโลกทั้งใบจะสั่นสะเทือน
กรงเล็บยักษ์แตกกระจาย ร่างของหยุนคงกระเด็นกลับหัวออกไป และถอยไปห้าหกก้าวถึงจะสามารถยืนอย่างมั่นคงได้
เฉินซงจื่อกระเด็นออกไปเช่นกัน และล้มอยู่บนพื้น กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
“ทรงพลังตามที่คาดการณ์ไว้จริง ๆ!” เฉินซงจื่อยับยั้งชี่แท้ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในร่างกาย ยืนขึ้นแล้วมองหยุนคงด้วยสีหน้าจริงจัง
หยุนคงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เลือดลมในร่างกายของเขาปั่นป่วนเช่นกัน เขามองเฉินซงจื่อและกล่าวว่า “นายก็ไม่เลวเหมือนกัน!”
“เพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งของแดนคุ้มกาย ก็สามารถบีบบังคับให้ผมใช้วิชาหัตถ์มังกรได้ ถ้านายฝึกอีกไม่กี่ปี ผมต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายอย่างแน่นอน!”
สายตาของหยุนซานและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความตกใจ แม้แต่หยุนคงก็ให้ความสำคัญกับพลังความแข็งแกร่งของเฉินซงจื่อ เพียงแค่คิดก็สามารถรู้แล้วว่านักพรตเฒ่าคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน
“ด้วยพลังความแข็งแกร่งของแดนคุ้มกาย แต่สามารถต่อสู้กับหยุนคงที่เป็นแดนมองขวัญ ที่มีชื่อเสียงมานานนับสิบปีได้ ในโลกฝึกบู๊แล้วคนที่มีพลังความแข็งแกร่งแบบนี้มีน้อยมาก!” หยูหมั่นกวนกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ผู้นำตระกูลหวางพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ดูเหมือนว่าอันดับปรมาจารย์แห่งหอเทียนจีจะต้องปรับปรุงอีกครั้งแล้ว!”หยูหมั่นกวนกล่าวว่า “รายการจัดอันดับนั้นไม่สามารถถือเป็นอะไรได้ เพราะยังมียอดฝีมือมากมายที่ไม่ยอดเปิดเผยตัว แล้วหอเทียนจีจะรู้ความแข็งแกร่งของคนเหล่านั้นได้อย่างไร”
ผู้นำตระกูลหวางคิดเหมือนกัน “มันก็ใช่ แต่การจัดอันดับส่วนใหญ่ยังคงแม่นยำมาก!”
เล่ชิงชางและเหล่าคนใหญ่คนโตของเมืองจงไห่ มองเฉินซงจื่อด้วยความปลง
ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าที่แท้เฉินซงจื่อนั้นแข็งแกร่งจนถึงขนาดนี้แล้ว
หลีเจี้ยนหุย ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าเขาจะทรงพลังขนาดนี้ ตอนที่หอการค้าโม่เจียเพิ่งเข้ามาในเมืองจงไห่ พวกเราปราบเขาหนักขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ใช้กำลังข่มขู่พวกเรา แต่พวกเรากลับไปขอให้ตระกูลหยุนมาปราบปรามเขาอีก!”
“เมื่อเทียบกับเขาแล้ว พวกเราเป็นคนเลวทรามต่ำช้าใช่ไหม?”
หวางไค่เยว่พยักหน้า ด้วยสีหน้าสำนึกผิดเล็กน้อย “ถ้าเขาแสดงให้พวกเราเห็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังนี้ตั้งแต่แรก หอการค้าโม่เจียต้องพัฒนาเร็วกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้อย่างแน่นอน!”
“เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรแก่การเคารพ และเป็นนักธุรกิจที่มีคุณธรรม”
หลีเจี้ยนหุยส่ายศีรษะและกล่าวว่า “แต่น่าเสียดายที่การทำธุรกิจนั้นเหมือนอยู่ในสนามรบ สุดท้ายคนที่สามารถอยู่รอดได้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ไร้ศีลธรรม และคนอย่างเขาก็ถูกลิขิตแล้วว่าจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!”
หยุนซานมองเฉินซงจื่อด้วยสายตาเคร่งขรึม “ท่านพรตเฉิน นายแพ้แล้ว!”