แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 868
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 868
เพียงแต่ มีคนบางกลุ่มกำลังมุ่งหน้ามายังกลุ่มคฤหาสน์ทะเลสาบกลับคืนรัง
“เฉินไต้ซือ โปรดปรากฏตัวออกมา!” ชายชราสวมชุดลัทธิเต๋าคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง ขณะที่เขาเดินอยู่กลางอากาศ
เฉินโม่ที่กำลังหลับตาฝึกอยู่บนดาดฟ้า ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และมองนักพรตเฒ่าด้วยความเย็นชา
“แกเป็นใคร” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันนักพรตเฟยหลงจากเขาจิ่วหัว ต้องการหารือบางอย่างกับเฉินไต้ซือ!” นักพรตเฒ่าประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับเฉินโม่
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแก” เฉินโม่ปฏิเสธ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่เกรงใจ!” นักพรตเฟยหลงเยาะเย้ย
“ฮึ่ม ทุกคนออกมาเถอะ อย่าลับ ๆ ล่อ ๆ อีกเลย!” เฉินโม่ลุกขึ้นยืน มองไปยังป่าที่อยู่หลังนักพรตเฟยหลง และพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา
“ฮ่า ๆ ผมบอกแล้วว่าพวกเราไม่สามารถปิดบังสายตาของเฉินไต้ซือได้หรอก ทุกคนออกมาเถอะ!” นักพรตเฟยหลงหัวเราะ
หนึ่ง สอง สาม……
ทั้งหมดสิบสองคน ทุกคนล้วนเป็นชายชราที่อายุเกินห้าสิบ
เฉินโม่ตกตะลึงเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าพลังบำเพ็ญของทั้งสิบสองคนนี้ล้วนเป็นแดนมองขวัญ
ปรมาจารย์แดนมองขวัญคนหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน เป็นการดำรงอยู่ที่สูงสุดแล้ว แต่ตอนนี้ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกันสิบสองคน หรือว่าแดนมองขวัญของโลกฝึกบู๊ในหัวเซี่ยมารวมตัวอยู่ที่นี่ทั้งหมด?
ถ้านักบู๊คนอื่นเห็นปรมาจารย์แดนมองขวัญรวมตัวกันสิบสองคน เกรงพวกเขาคงจะตกใจกลัวจนหมดสติไปแล้ว
ต้องรู้ว่าปกตินักบู๊แดนในนั้นมีน้อยอยู่แล้ว ปรมาจารย์ทั่วไปเป็นบุคคลที่เป็นเหมือนมังกรที่อยู่บนสวรรค์แล้ว และปรมาจารย์แดนมองขวัญล้วนเป็นเฒ่าประหลาดที่นั่งบัญชาการอยู่
อย่างไรก็ตาม วันนี้มาพร้อมกันสิบสองคน!
เฉินโม่รู้สึกว่าโลกฝึกบู๊ของหัวเซี่ยไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นผิวเผิน
ยกตัวอย่างเช่นตระกูลหลี่ ตอนนั้นเขาไปข่มขู่หลี่ตงหยาง เขาสามารถสัมผัสพลังของปรมาจารย์ได้เพียงสองคนเท่านั้น ส่วนตระกูลหยุนในจ่งไห่นั้นมีปรมาจารย์หลายคน แถมยังมีหยุนคงที่เป็นแดนมองขวัญคอยบัญชาการอีกคนด้วย
หกตระกูลมหาอำนาจในยานจิง ยืนหยัดมาเป็นเวลายาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศจนถึงปัจจุบัน ตระกูลหลี่เป็นหนึ่งในหกตระกูลมหาอำนาจ แต่มีปรมาจารย์บัญชาการเพียงสองคนเท่านั้น ถ้าพูดออกไปแล้วใครจะเชื่อ?
ต้องมีกองกำลังสนับสนุนพวกเขาอยู่เบื้องหลัง ที่เฉินโม่ไม่รู้อย่างแน่นอน
ยังมีหอเทียนจีที่ลึกลับ ในเมื่อพวกเขาสามารถจัดอันดับนักบู๊ทุกระดับได้ สามารถพิสูจน์ว่านักบู๊ทุกคนยอมรับความสามารถของพวกเขา มิเช่นนั้นจะไม่มีใครเชื่ออันดับที่พวกเขาจัดออกมาอย่างแน่นอน
และการที่พวกเขาสามารถจัดอันดับปรมาจารย์ได้ สามารถพิสูจน์ว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์มาก และตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ยังไม่มีใครรู้ว่าหอเทียนจีอยู่ที่ไหน? เป็นองค์กรแบบไหน? ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นองค์กรที่ลึกลับมาก
การปรากฏตัวของนักบู๊แดนมองขวัญสิบสองคน ทำให้เฉินโม่ยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านั้นบางอย่างได้ และเฉินโม่มั่นใจว่าเมื่อก่อนเคยมีการบำเพ็ญเซียนที่เจริญรุ่งเรืองอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งทำให้เฉินโม่มั่นใจว่าโลกใบนี้ไม่ธรรมดาอย่างที่เห็นผิวเผินแน่นอน
ความจริงแล้วเคล็ดวิชาบู๊ของเซี่ยงชงเป็นวิชาวอกของพุทธศาสนาของหมื่นเผ่าในจักรวาล เพียงแต่เคล็ดวิชาที่เขาได้รับนั้นส่วนใหญ่หายไปแล้ว ทำให้พลังลดลงไปมาก
แต่สิ่งที่แน่นอนคือสิ่งที่เรียกว่าเคล็ดวิชาบู๊ของโลกใบนี้ ความจริงแล้วเป็นการสืบทอดมาจากการบำเพ็ญเซียนที่เสื่อมถอย
การบำเพ็ญเซียนที่เคยเจริญรุ่งเรือง จนถึงตอนนี้เสื่อมถอยจนเหล่านักบู๊ประคองชีวิตให้รอดไปวัน ๆ เท่านั้น แล้วระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
และเมื่อพิจารณาจากจำนวนสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้แล้ว โลกใบนี้ไม่ใช่ดาวเคราะห์ที่ขาดแคลนชี่ทิพย์อย่างแน่นอน แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกกลายเป็นดาวเคราะห์ที่ขาดแคลนชี่ทิพย์และไร้ชีวิตชีวาเช่นนี้
เฉินโม่กำลังคิดถึงคำถามบางอย่าง แต่ในสายตาของนักพรตเฟยหลงและคนอื่นแล้ว พวกเขารู้สึกว่าเฉินโม่ตกตะลึงกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของพวกเขา
“เฉินไต้ซือ การที่พวกเรามารวมตัวกัน คิดว่าแกคงจะรู้จุดประสงค์ของพวกเราแล้ว แกคงจะไม่ให้พวกเรากลับไปมือเปล่าใช่ไหม?” นักพรตเฟยหลงหัวเราะ
“ส่งเคล็ดวิชาบู๊ของแกออกมา แล้วพวกเราจะไม่รบกวนแกและครอบครัวของแก” นักพรตเฟยหลงกล่าวเยาะเย้ย และเต็มไปด้วยความคุกคาม