แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 876
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 876
อย่างไรก็ตาม สำนักยาเซียนไม่ใช่องค์กรการกุศล และจะไม่ให้ทานแก่คนธรรมดาโดยไม่มีเหตุผล พวกเขาขายยาเม็ดหนึ่งด้วยราคาที่สูงมาก
แต่ก็ไม่ได้แปลว่าคนที่มีเงินก็จะสามารถซื้อยาได้ บางครั้งถึงแม้ว่าคุณจะเสนอราคาสูงเพียงใด พวกเขาอาจไม่ขายให้คุณ
ต้องบอกว่าสำนักยาเซียนวางแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดได้ค่อนข้างดี
และสำนักยาเซียนก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินเช่นกัน บริษัทที่อยู่ภายใต้ตระกูลมู่ มีไม่น้อยไปกว่าตระกูลเล่แห่งจ่งไห่
เฉินโม่มาถึงทางเข้าสำนักยาเซียน และพบว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่กลางป่าอย่างที่คิด การจราจรของที่นี่สะดวกกว่าเขตเมืองเสียอีก
มีซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ ลานจอดรถขนาดใหญ่ นอกจากโรงพยาบาลแล้ว ที่นี่มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ในเมืองมี
ที่ทางเข้าสำนักยาเซียน มีแผ่นศิลาขนาดใหญ่ สลักตัวอักษรสีแดงคำว่าสำนักยาเซียนขนาดใหญ่ มองแล้วรู้สึกน่าเกรงขามและทรงพลัง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนสวมเครื่องแบบทำหน้าที่เฝ้าประตู ยืนตัวตรงด้วยสีหน้าภูมิใจ ดูเหมือนว่าการที่พวกเขาได้ทำงานอยู่ที่สำนักยาเซียน เป็นการเชิดชูเกียรติของบรรพบุรุษตนเอง
มีเด็กอายุสิบสองสิบสามปีคุกเข่าอยู่หน้าแผ่นศิลาป้ายชื่อสำนักยาเซียนอย่างเงียบ ๆ เด็กผู้ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าขาด ผมรกรุงรังและปากแตก
คนมากมายที่สัญจรไปมาล้วนเห็นเด็กผู้ชายคนนั้น แต่มีน้อยคนนักที่จะเดินเข้าไปถาม เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั้นมองเด็กผู้ชายคนนั้นเป็นครั้งคราว ด้วยสีหน้ารังเกียจ
เฉินโม่เดินเข้าไปช้า ๆ ด้วยสีหน้าราบเรียบ และเหลือบมองเด็กผู้ชายคนนั้นแวบหนึ่ง จากนั้นเฉินโม่แอบขมวดคิ้ว
“ไม่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้คุกเข่าอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้พลังชีวิตของเขาใกล้จะหมดแล้ว ถ้าไม่ช่วยเขาทันที เกรงว่าชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย!”
เฉินโม่ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกดศีรษะที่สกปรกของเด็กผู้ชายเบา ๆ พลังชะตาธาตุน้ำที่อ่อนโยนและเย็นไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กผู้ชายอย่างช้า ๆ เพื่อซ่อมแซมร่างกายที่เสียหายของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กผู้ชายลืมตาขึ้น เห็นเฉินโม่ยืนอยู่ด้านข้าง เขาก้มกราบเฉินโม่ทันที “ได้โปรดช่วยชีวิตพ่อของผมด้วย!”
จากแววตาที่ประหลาดใจของเด็กผู้ชาย ทำให้เฉินโม่รู้ว่าเขาเข้าใจผิด
“ผมไม่ใช่คนของสำนักยาเซียน ผมมาซื้อยาเหมือนกัน” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มีความผิดหวังอยู่ในดวงตาของเด็กผู้ชาย ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงร้องไห้แล้ว แต่ตอนนี้ดวงตาของเขาไม่มีน้ำตาอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้ คนเดียวที่ทำให้เขายืนหยัดคุกเข่าอยู่ที่นี่ คือพ่อของเขาที่นอนอยู่ในเพิง
พ่อคือญาติเพียงคนเดียวของเขา!
เมื่อเห็นความสิ้นหวังที่อยู่ในดวงตาของเด็กผู้ชาย แม้แต่เฉินโม่ก็รู้สึกตกใจ เด็กคนนี้ผ่านประสบการณ์แบบไหน จึงทำให้เด็กที่อายุเพียงสิบสองสิบสามปี แสดงความสิ้นหวังต่อโลกเช่นนี้?
“บอกเรื่องของคุณให้ผมฟังได้ไหม บางทีผมอาจจะมีวิธีช่วยพ่อของคุณ” เสียงของเฉินโม่มีความแน่วแน่ที่ออกมาจากหัวใจ ซึ่งทำให้เด็กผู้ชายกลับมามีความหวังอีกครั้ง
มีเพิงที่สร้างจากสังกะสีอยู่มุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากสำนักยาเซียน ซึ่งพอจะสามารถกำบังลมฝนได้ แต่เมื่อแสงแดดส่องลงมา ที่นี่ร้อนเหมือนอยู่ในเตาไฟ
ตามคำบอกเล่าของเด็กผู้ชาย คนในท้องถิ่นที่มีใจเมตตาเป็นผู้ที่สร้างเพิงสังกะสีนี้ขึ้นมา
ในเพิงสังกะสี มีชายวัยกลางคนนอนอยู่คนหนึ่ง เฉินโม่มองเขาแบบหนึ่ง และพบว่าชายคนนี้ป่วยหนัก แต่เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้
หลังจากสอบถามแล้ว เฉินโม่รู้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้ชื่อโจวลี่เต๋อ พ่อของเขาเป็นคนตั้งชื่อให้เขา ซึ่งหมายความว่าเป็นคนนั้นต้องใช้คุณธรรมสยบคน
พ่อของเขาชื่อโจวเอี๋ยน คนเป็นดั่งชื่อ เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างเข้มงวด พ่อเข้มงวดกับโจวลี่เต๋อตั้งแต่เด็ก ถึงทำให้โจวลี่เต๋อมีความมานะบากบั่นที่น่าทึ่งในปัจจุบัน