แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 885
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 885
“เป็นไปได้ยังไง!”
สีหน้าสมาชิกทุกคนของตระกูลมู่เต็มไปด้วยความตกใจ
“ในโลกนี้มีเทคนิคอัศจรรย์เช่นนั้นได้อย่างไร!”
สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลมู่ไม่เชื่อ
มู่จือเสว๋ไม่เชื่อเช่นกัน แต่ตอนนี้สีหน้าของเขากลับเคร่งขรึม
เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าตนเองไม่สามารถจำเนื้อหาส่วนใหญ่ที่บันทึกไว้ในสูตรยาได้อีกต่อไปแล้ว
ตอนแรกมู่จือเสว๋คิดว่าเป็นเพราะเขาจำไม่แม่น แต่หลังจากเฉินโม่พูดออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อ
“ห๊ะ ผู้นำตระกูล ตอนนี้ผมลืมเนื้อหาของสูตรยาไปหมดแล้ว!” สมาชิกอาวุโสระดับสูงคนหนึ่งของตระกูลมู่อุทานด้วยความตกใจ
“ผมก็ลืมเหมือนกัน!” อีกคนตะโกน
แม้แต่มู่เจิ้งเฟิงก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน เขาขมวดคิ้วแล้วพยายามนึกถึงสูตรยานั้น แต่เขานึกไม่ออกแม้แต่อักษรตัวเดียว
มู่เจิ้งเฟิงรีบหันไปมองมู่จือเสว๋ และมู่จือเสว๋ก็กำลังมองเขาด้วยสายตาสงสัยเช่นกัน
“ผมลืมเหมือนกัน!” มู่เจิ้งเฟิงถอนหายใจแล้วกล่าว
มู่เจิ้งเฟิงเป็นคนที่อยู่กับสูตรยานานที่สุด และเป็นคนกลั่นยาด้วยตนเอง เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลืมสูตรยาไปทั้งหมด คำอธิบายเพียงอย่างเดียวก็คือสิ่งที่เฉินโม่พูดเป็นความจริง
“เดี๋ยวก่อน!” มู่จือเสว๋รีบขวางเฉินโม่ที่กำลังจะจากไป
เขาส่งสายตาให้ผู้อาวุโสสาม แล้วผู้อาวุโสสามก็เข้าใจทันที และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อไปตรวจสอบว่าข้อความที่คัดลอกยังอยู่ไหม
ถ้าเทคนิคของเฉินโม่สามารถส่งผลต่อความจำของคน แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะลบข้อความที่คัดลอกออกมาแล้ว ขอเพียงแค่ข้อความยังอยู่ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัว
เฉินโม่รู้ว่าสมาชิกของตระกูลมู่จะต้องหยุดเขา ดังนั้นเขาจึงเดินช้า ๆ เขาไม่อยากจากไปจริง ๆ เพราะเขายังไม่ได้วัตถุดิบยาตามที่ต้องการ
“ผู้ตระกูลมู่ ยังมีอะไรอีก?” เฉินโม่มองมู่จือเสว๋ที่สีหน้าเคร่งขรึม และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณโม่เฉิน บางทีอาจเกิดความผิดพลาดตอนที่พวกเรากลั่นยา ดังนั้นจึงทำให้ไม่สามารถกลั่นยาได้สำเร็จ มันไม่ได้เป็นเพราะสูตรยาของนายมีปัญหา” มู่จือเสว๋กล่าวด้วยสีหน้าอึดอัด
ขณะนี้ ผู้อาวุโสสามเดินกลับมาอย่างรีบร้อนด้วยสีหน้าตกใจ แล้วกระซิบบางอย่างที่ข้างหูมู่จือเสว๋
มู่จือเสว๋รู้สึกตกใจ และมองเฉินโม่ด้วยสายตาซับซ้อน
ตอนนี้ แม้แต่โจวลี่เต๋อก็สามารถมองออกว่าสมาชิกของตระกูลมู่ผิดปกติ
เฉินโม่มองมู่จือเสว๋ ยิ้มบาง ๆ และกล่าวด้วยสีหน้าเหยียดหยามว่า “ผู้นำตระกูลมู่ ข้อความบนสำเนาที่พวกคุณคัดลอกนั้นหายไปแล้วใช่ไหม?”
มู่จือเสว๋ถูกเฉินโม่เปิดโปง สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เขาไม่ยอมรับอย่างแน่นอน “นายคิดมากเกินไปแล้ว ตระกูลมู่จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร!”
“และสูตรยาของนายก็ไม่ได้มีค่ามากนัก ถ้านายต้องการแลกเปลี่ยนวัตถุดิบยากับพวกเรา เกรงว่านายจะต้องเพิ่มอะไรบางอย่างด้วย!”
เฉินโม่ยิ้มเล็กน้อยและถามว่า “ต้องเพิ่มอะไรล่ะ?”
มู่จือเสว๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “อย่างน้อยก็ต้องเพิ่มสูตรยาวิเศษล้ำเลิศอีก”
เฉินโม่หัวเราะออกมาทันที จนทำให้สมาชิกทุกคนของตระกูลมู่รู้สึกแปลก ๆ
“หัวเราะอะไร?” มู่จือเสว๋ถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เฉินโม่หุบยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมหัวเราะความโลภที่ไม่รู้จักพอของสำนักยาเซียน!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผมใช้วิชาลบความทรงจำกับสูตรยานั้น ตอนนี้สูตรยานั้นคงถูกพวกคุณขโมยไปแล้ว”
“ถึงแม้ว่าสำหรับผมแล้ว สูตรยานั้นจะไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง แต่ผมก็ไม่สามารถให้คนที่ไร้ยางอายอย่างพวกคุณได้เปรียบหรอก!”
สมาชิกของตระกูลมู่ไม่เคยคิดฝันว่าเฉินโม่จะทำการป้องกันไว้ก่อน
“บังอาจ นึกไม่ถึงว่าแกจะกล้าดูหมิ่นสำนักยาเซียน! ถ้าวันนี้แกไม่ให้คำอธิบายแก่สำนักยาเซียน แกก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้!” มู่จือเสว๋ตะโกนด้วยความโกรธ
เฉินโม่เปิดโปงแผนของพวกเขา และเขากำลังกลัดกลุ้มเพราะไม่มีข้ออ้างที่จะรั้งเฉินโม่อยู่ที่นี่ แต่นึกไม่ถึงว่าเฉินโม่จะเป็นฝ่ายสร้างโอกาสให้กับเขาเอง