แดนนิรมิตเทพ - บทที่ 898
แดนนิรมิตเทพ บทที่ 898
“พวกเรายินดีที่จะมอบสำนักยาเซียนให้นายและยอมจำนนต่อนาย ขอร้องได้โปรดให้สมาชิกทุกคนของตระกูลมู่ อาศัยอยู่ในสำนักยาเซียนต่อไปเพื่อรับใช้นาย!”
สามารถกล่าวได้ว่าความคิดของมู่เจิ้งเฟิงมีเจตนาดี สามารถรับรองความปลอดภัยสมาชิกทุกคนของตระกูลมู่ได้ แล้วยังสามารถอาศัยอยู่ในสำนักยาเซียนต่อไปได้
ส่วนความจงรักภักดีต่อเฉินโม่ ความจริงสำหรับสมาชิกรุ่นใหม่ของตระกูลมู่แล้ว มันก็ไม่แตกต่างจากความจงรักภักดีต่อตระกูลมู่ก่อนหน้านั้น
กระทั่งด้วยความแข็งแกร่งของเฉินโม่ หลังจากยอมจำนนต่อเขาแล้ว บางทีตระกูลมู่อาจจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น
และเขารู้สึกว่าเฉินโม่จะไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้ เพราะสำนักยาเซียนกว้างใหญ่มาก ถึงแม้ว่าเฉินโม่จะบรรลุถึงแดนเทพแล้ว แต่ก็ไม่สามารถดูแลคนเดียวได้ เฉินโม่ยังคงต้องการคนช่วยเขาดูแลสำนักยาเซียน
เฉินโม่มองมู่เจิ้งเฟิงและพยักหน้า ซึ่งเป็นไปตามที่มู่เจิ้งเฟิงคิด เขาต้องการคนดูแลสำนักยาเซียน และตระกูลมู่อาศัยอยู่ในสำนักยาเซียนมาโดยตลอด ตระกูลมู่เป็นตัวเลือกดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผมรับปากนายถ้าตระกูลมู่ยอมจำนนต่อผม ผมสามารถให้ตระกูลมู่ปกปักรักษาสำนักยาเซียนตลอดไป ผมยังสามารถมอบสูตรยาวิเศษล้ำเลิศเหล่านั้นให้พวกนายได้ และทำให้ตระกูลมู่เป็นตระกูลอันดับหนึ่งของโลกแห่งการกลั่นยาอย่างมั่นคง”
สูตรยาวิเศษล้ำเลิศ!
มู่เจิ้งเฟิงรู้สึกดีใจมาก สำหรับคนที่คลั่งไคล้การกลั่นยาอย่างเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่สามารถดึงดูเขาได้มากไปกว่าสูตรยาวิเศษล้ำเลิศเหล่านั้นอีกแล้ว
และผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของเขามาก ถ้าเขาสามารถปกปักรักษาสำนักยาเซียนได้ตลอดไป แล้วยังสามารถได้สูตรยาวิเศษล้ำเลิศ ถึงแม้ว่าจะยอมจำนนต่อเฉินโม่ เขาก็รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรเสียหาย
และต่อไปสำนักยาเซียนอยู่ภายใต้ร่มเงาของเฉินโม่ สถานะจะต้องสูงขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน
แต่เฉินโม่แสดงสีหน้าจริงจังและกล่าวต่อไปว่า “แต่ห้ามพวกคุณฝ่าฝืนคำสั่งของผม ถึงแม้ว่าผมจะให้พวกคุณตายทันที พวกคุณก็ห้ามฝ่าฝืน คนของตระกูลมู่สามารถปฏิบัติได้ไหม?”
มู่เจิ้งเฟิงโค้งคำนับและกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเราเลือกที่จะยอมจำนนแล้ว พวกเราต้องเชื่อฟังคำสั่งของนายอย่างแน่นอน เรื่องนี้พวกเรารู้ด้วยตนเอง!”
เฉินโม่กล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “หวังว่านายจะจำสิ่งที่ตนเองพูดได้ มิเช่นนั้นอดีตผู้นำตระกูลมู่จะเป็นตัวอย่างของพวกคุณ”
น้ำเสียงของเฉินโม่ราบเรียบมาก แต่กลับทำให้ผู้คนไม่กล้าสงสัยแม้แต่น้อย ราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นคำพูดของจักรพรรดิ
มู่เจิ้งเฟิงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในใจ โค้งคำนับเล็กน้อยและกล่าวว่า “พวกเราจะจำไว้อย่างแน่นอน!”
เฉินโม่กวาดมองไปยังสมาชิกรุ่นใหม่ของตระกูลมู่ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แล้วพวกคุณล่ะ?”
สมาชิกอาวุโสระดับสูงของตระกูลมู่ถูกเฉินโม่สังหารเกือบหมด และมู่เจิ้งเฟิงเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดของตระกูลมู่ ตอนนี้แม้แต่มู่เจิ้งเฟิงก็ยอมจำนนแล้ว สมาชิกรุ่นใหม่ของตระกูลมู่เหล่านี้จึงไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านเฉินโม่
“พวกเรายอมจำนน ต่อไปพวกเราจะติดตามเฉินไต้ซือ!”
สีหน้าของเฉินโม่ราบเรียบ และไม่ได้รู้สึกดีใจเพราะสามารถสยบสำนักยาเซียนได้ ราวกับว่าเขาได้ทำสิ่งที่ไม่สำคัญเรื่องหนึ่งเท่านั้น
เฉินโม่หันไปมองมู่เจิ้งเฟิงที่ยังคงโค้งตัว และกล่าวว่า “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลมู่ และนายเป็นผู้ที่รับผิดชอบทุกอย่างในตระกูลมู่”
มู่เจิ้งเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขานึกไม่ถึงว่าเฉินโม่จะไม่ส่งลูกน้องของตนเองมาควบคุมดูแลสำนักยาเซียน แต่กลับให้เขาที่เป็นคนตระกูลมู่ เป็นผู้นำตระกูลคนต่อไป
มู่เจิ้งเฟิงถอนหายใจอยู่ในใจ ถ้ามู่จือเสว๋มีความคิดเช่นนี้ได้ ก็จะไม่มีจุดจบแบบนี้!
“น้อมรับคำสั่ง!” มู่เจิ้งเฟิงประสานมือทั้งสองข้างเป็นการคำนับ
เฉินโม่หันหลังแล้วเดินจากไป แต่ทิ้งประโยคไว้ว่า “ตามผมมา ผมจะให้พวกคุณได้เห็นสมบัติที่แท้จริงของตระกูลมู่”
สมบัติที่แท้จริงของตระกูลมู่?
สีหน้าของมู่เจิ้งเฟิงและสมาชิกทุกคนของตระกูลมู่เต็มไปด้วยความสงสัย และเดินตามเฉินโม่ไปโดยไม่รู้ตัว
เฉินโม่เดินมาถึงเศษซากของกค่ายกลกลืนเซียนร้อยพิษ และมองร่องรอยเศษซากหลังจากถูกไฟแท้สมาธิเผา แล้วมองไปรอบ ๆ
โจวลี่เต๋อ มู่เจิ้งเฟิงและสมาชิกรุ่นใหม่ทุกคนของตระกูลมู่ที่เดินตามหลังเฉินโม่ มองเฉินโม่ที่ยืนอยู่บนพื้นที่โล่งและมองสำรวจไปรอบ ๆ ตอนนี้พวกเขายิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีก ที่นี่มีสมบัติอะไร?