แดนนิรมิตเทพ - บทที่1206
อย่างเช่นเก้าเตาคุ้มโลงหินองค์นั้น ในโลงหินนั้นมีอะไรอยู่กันแน่?
ยังมีฝ่ามือสีฟ้าขนาดยักษ์ ที่เกือบฆ่าเขาและศิษย์น้องในฝ่ามือเดียว
ต้องรู้ว่าตอนนั้นเฉินโม่นั้นเป็นผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพ ตัวศิษย์น้องเองก็เป็นเซียนแท้แดนสู่ธรรมะ ปรากฏว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฝ่ามือยักษ์ข้างนั้น จะเละไม่เป็นท่าขนาดนั้น!
การดำรงอยู่ของมันนั้นแน่ขนาดไหน?
แต่ว่า ยิ่งไม่รู้ประวัติความเป็นมาของค่ายกลนี้ เฉินโม่ก็ยิ่งประหลาดใจ ถ้าสามารถค้นพบซากโบราณในนี้ บางทีเราอาจรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสมัยโบราณอันยาวไกลนั้น
สมาชิกของห้าประเทศได้หยุดฝีเท้าลงตรงรอบค่ายกล และคนสิบคนในชุดคลุมสีดำก็ลอยลงมาจากกลางอากาศ สองคนในจำนวนนี้เป็นคนหัวเซี่ยที่มาต้อนรับเจียงเหอซานในก่อนหน้านี้
เจียงเหอซานถอนหายใจแล้วกล่าว “คนเหล่านี้คือทหารประจำการของสมรภูมิห้าประเทศ เมื่อพวกเขากลายเป็นทหารประจำการ พวกเขาจะประจำการที่นี่เป็นเวลาห้าสิบปี เท่ากับว่าต้องอุทิศทั้งชีวิตให้กับเกาะร้างแห่งนี้!”
“เป็นอย่างนี้เอง!” จางเจิ้นพูดขึ้นทันที “ถึงว่าแม่แต่โส่วจ่างยังเคารพพวกเขาเป็นพิเศษ!”
ทหารประจำการทั้งสิบนายได้หยุดอยู่ตรงกลางอากาศของค่ายกล ทหารประจำการแต่ละประเทศก็ใช้ภาษาของตัวเอง พูดกับคนของประเทศตัวเอง เวลาเปิดของค่ายกลคือสามวัน หลังจากสามวันแล้วพวกคุณก็จะปารกฎตัวตรงนี้อีกครั้ง ผมจะเอาเครื่องบันทึกให้คนละหนึ่งเครื่อง ทุกครั้งที่คุณได้แกนอสูรมาให้ป้อนมันเข้าไปในเครื่องบันทึก ในเครื่องบันทึกก็จะแสดงจำนวนแกนอสูรที่พวกเขาได้รับ โปรดจำไว้ ขอให้รักษาเครื่องบันทึกไว้ให้ดี ขอเพียงเครื่องบันทึกหาย โดยส่วนใหญ่สามารถสรุปได้เลยว่าเจ้าของเสียชีวิตไปแล้ว
หลังพูดจบ ทหารประจำการสองนายของหัวเซี่ยก็ได้แจกจ่ายเครื่องบันทึกให้เฉินโม่และคนอื่นๆ มันเหมือนนาฬิกาสมาร์ทวอช หน้าจอใหญ่กว่านาฬิกา ใช้งานง่าย มีเพียงฟังชั่นเดียว ก็คือใส่จำนวน และหน้าถัดไปสามารถค้นดูจำนวน แกนอสูรในแต่ละวัน
เฉินโม่มองไปแวบหนึ่ง ด้านบนแสดงรายชื่อสมาชิกทีมของทั้งห้าประเทศ และยังเห็นชื่อของตัวเองด้วย แต่ตอนนี้ยังเป็นเลขศูนย์กันทุกคน
ทหารประจำการพูดต่อ “ห้ามลงข้อมูลไปเรื่อย หากข้อมูลที่ลงกับจำนวนจริงไม่ตรงกัน ก็จะถือเป็นโมฆะ”
“ยังมีอะไรไม่เข้าใจอีกมั้ย?” ทหารประจำการคนนั้นถาม
เจียงเหอซานมองไปยังทุกคน
ทุกคนได้ตอบเสียงดังฟังชัดในทันที “เข้าใจแล้วครับ”
เฉินโม่ก็พูดตามทุกคนว่าเข้าใจแล้ว
ทหารประจำการทั้งสองนายมองพวกเขาทั้งเจ็ดคน “ด้วยสีหน้าที่จริงจัง เมื่อเข้าไปในสมรภูมิห้าประเทศ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆเลย ในนั้นมีสัตว์ร้าย ศัตรู และภยันตรายทุกชนิดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แน่นอน มันก็มีโอกาสด้วย ขอให้พวกคุณดูแลตัวเองด้วย!”
จางเจิ้นหัวเราะแล้วพูด “ในเมื่อกล้ามาแล้ว หัวของฉันนั้นได้แขวนไว้ที่เข็มขัดบนเอวนานแล้ว คนที่กล้วตายตอนนี้ยังสามารถถอนตัวได้ อยากรอให้เขาไปแล้ว เป็นตัวถ่วงของทีม!”
เหลยจ้านและคนอื่นๆมองไปทางเฉินโม่ เฉินโม่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย ยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
ทหารประจำการทั้งสองนายสบตากับเจียงเหอซานไปครู่หนึ่ง ต่างคนต่างพยักหน้าให้กัน จากนั้น ทหารประจำการทั้งสองนายก็หันลอยไปอยู่ตรงกลางของค่ายกล
ทหารประจำการของประเทศอื่นๆก็ลอยตามกันไปที่ศูนย์กลางของค่ายกล ในมือของทั้งสิบนายต่างปรากฏขึ้นด้วยหินก้อนหนึ่ง เฉินโม่สัมผัสได้ว่าในหินก้อนนั้นมีพลังชาตะในฟ้าดินอย่างมหาศาล
“หินทิพย์นี่เอง!”
หินทิพย์ เมื่อเทียบกับหยกชั้นยอดเหล่านั้นมันมีพลังชาตะในฟ้าดินที่อุดมสมบูรณ์มาก ผู้บำเพ็ญระดับต่ำบางส่วนใช้มันเป็นประจำ ถึงขั้นใช้แทนเงิน นำไปแลกเปลี่ยนและซื้อขาย
แน่นอน สำหรับผู้บำเพ็ญแดนดั่งเทพขึ้นไป ระดับของหินทิพย์ก็จะไม่เพียงพอแล้ว พวกเขาล้วนใช้แก้วเซียน เพราะตอนนั้นพลังชาตะในฟ้าดินในหินทิพย์สำหรับพวกเขาแล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย
แต่ว่า สำหรับโลกในปัจจุบันนี้ หินทิพย์ก็มีค่ามากกว่าเหมือนแก้วเซียน เพราะบนโลกใบนี้แม้แต่หยกยังหายาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินทิพย์ที่มีประโยชน์อย่างมากต่อเฉินโม่ที่ใช้ในการฝึกฝน?
“เปิด!”
ทหารประจำการสองคนของหัวเซี่ยก็ตะโกนเสียงดัง สายตากะพริบผ่านด้วยแสง ช่องประตูก็ได้ปรากฏขึ้นกลางค่ายกล