แดนนิรมิตเทพ - บทที่1311
หานเทียนฟ่างยังคงพูดคำพูดที่มีคุณธรรมพวกนั้นบนเวที เพียงแต่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้านล่างก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด แววตาก็หานเที่ยนฟ่างก็ฉายแววความไม่พอใจออกมา และหยุดพูดบนเวที
“ทุกท่าน มีความคิดเห็นต่อคำพูดทั้งหมดของผมมั้ย?” สายตาของหานเทียนฟ่างกวาดมองไปยังทุกคน ทันใดนั้น ทุกคนก็หุบปากไม่พูดอีก
สุดท้าย สายตาของหานเทียนฟ่างก็ไปหยุดอยู่บนร่างของเจี่ยว่างชวน ยิ้มแล้วถาม “พี่ว่างชวน พี่ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นอย่างไรบ้าง?”
สายตาของทุกคน ก็ไปรวมตัวกันอยู่บนร่างของเจี่ยว่างชวน เขาเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งของตระกูลหาน และเป็นคนที่มีอำนาจบารมีที่สุดในคนที่ต่อต้านตระกูลหาน
ไม่ว่าจะเป็นคู่แข่งของตระกูลหาน หรือพวกที่พึ่งพาบารมีของตระกูลหาน ต่างก็อยากจะรู้ว่าเจี่ยว่างชวน จะแสดงท่าทีต่อตระกูลหานยังไง
“พ่อครับ!” เจี่ยจวินเซี่ยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยืนอยู่ด้านหลังของเจี่ยว่างชวน มองหานเทียนฟ่างที่ใบหน้ายิ้มๆด้วยสีหน้าที่จริงจัง แล้วกระซิบถาม “ตระกูลหานจะเริ่มการเคลื่อนไหวแล้วใช่มั้ย?”
เจี่ยว่างชวนที่ไม่เกรงกลัว มองหานเทียนฟ่างที่อยู่บนเวที พูดอย่างยิ้มๆ “น้องหานพูดได้มีเหตุผลมาก”
พูดจบ เจี่ยว่างชวนก็หยุดนิ่ง
ในงานเลี้ยง สีหน้าของทุกคนแตกต่างกันไป คนที่อยู่ฝ่ายตระกูลหาน สีหน้าภาคภูมิใจ และคนที่มีใจอยากจะต่อต้านตระกูลหาน สีหน้าดูแย่มาก หากไม่มีการนำของตระกูลเจี่ย ในงานนี้ไม่มีใครสามารถที่จะต่อกรตระกูลหานได้เลยแม้แต่คนเดียว
“แต่ว่า……….” เจี่ยว่างชวนที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดขึ้น “คำพูดของน้องหานแม้จะพูดได้มีเหตุผล แต่ว่านายไม่รู้สึกว่ามันจอมปลอมไปหน่อยเหรอ?”
แววตาของหานเทียนฟ่างแฝงไว้ด้วยความเย็นชา แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่นิดเดียว หัวเราะแล้วพูด “งั้นพี่เจี่ยว่าผมต้องทำอย่างไรถึงจะไม่จอมปลอมล่ะ?”
เจี่ยว่างชวนหัวเราะเสียงดัง แล้วพูด “อันนี้มันก็อยู่ที่น้องหานเลือกเอง คนอื่นคงไม่สามารถไปก้าวก่ายได้?”
สายตาของทุกคน ได้ย้ายจากร่างของเจี่ยว่างชวน ไปหยุดอยู่บนตัวของหานเทียนฟ่าง ความหมายของเจี่ยว่างชวนก็อยู่ที่ว่าตระกูลหานจะทำอย่างไร
“ให้ฉันเลือกหรือ?” หานเทียนฟ่างก้มหน้าลง ไม่มีใครเห็นรอยยิ้มที่มีเลศนัยของเขา ที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ทันใดนั้น หานเทียนฟ่างเงยหน้าขึ้น มองไปยังเจี่ยว่างชวน ยิ้มแล้วกล่าว “ในเมื่อพี่เจี่ยให้ผมเลือก ผมก็ขอพูดตรงๆเลย”
สายตาของหานเทียนฟ่างกวาดมองไปยังผู้คน รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือความเคร่งขรึม “หลายปีมานี้เหลียวโจวของเราก็เหมือนทรายที่กระจัดกระจายจานหนึ่ง เพื่อไม่ให้ถูกรังแก ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่จะจัดระเบียบให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว”
เจี่ยจวินเซี่ยที่มีสีหน้าเยาะเย้ยพูดเบาๆ “ในที่สุดหางจิ้งจอกก็โผล่ออกมาแล้ว”
ในงานเลี้ยงบรรยากาศเงียบสงบ คนที่พึ่งพาตระกูลหาน ใบหน้ามีรอยยิ้มจางๆ ถ้าหากตระกูลหานสามารถครองเมืองเหลียวโจว แบบนี้แล้วอนาคตพวกเขาก็ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน
เจี่ยว่างชวนที่จู่ๆก็หัวเราะ ในห้องที่เงียบสงบเสียงนั้นแสบหูเป็นพิเศษ “ตลกสิ้นดี เมื่อก่อนที่เราไม่มีการจัดระเบียบ เคยโดนรังแกเมื่อไหร่?”
“หานเทียนฟ่าง นายไม่ต้องแสดงเป็นคนดีแล้ว ความทะเยอทะยานของนายมันชัดเจนอยู่แล้ว!”
หานเทียนฟ่างที่ถูกเจี่ยว่างชวนเปิดโปงในที่สาธารณะ ใบหน้าก็ขุ่นมัวในทันที มองเจี่ยว่างชวนด้วยสีหน้าที่เย็นชา พี่เจี่ย ดูแล้วพี่ไม่สามารถที่จะเข้าใจความหวังดีของฉันเลย
หานเทียนฟ่างกวาดมองผู้คนอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ผมก็จะพูดให้มันชัดเจนไปเลย ต่อจากนี้คนที่ยอมติดตามตระกูลหาน ก็มายืนอยู่ด้านหลังของผม คนที่ไม่ยินยอม ผมก็ไม่บังคับ แต่ว่าผมจะไม่มีทางให้เหลียวโจวมีสองพรรคเป็นอันขาด!”
คำพูดนี้มันก็ชัดเจนมากแล้ว มันเป็นบีบให้คนเลือกข้าง