แดนนิรมิตเทพ - บทที่1326
ก็ยังไม่รู้ว่าเหนือแดนเทพของนักบู๊ ยังจะมีแดนที่สูงกว่าอีกไหม?
ฝึกบำเพ็ญกันทั้งกลางวันกลางคืน เวลานี้เฉินโม่นั้นเข้าถึงแดนรวมพลังแล้ว ถึงแม้จะไม่กินอาหารไม่ดื่มน้ำ มีแต่เพียงอากาศธาตุทิพย์ก็อยู่ได้
เฉินโม่ฝึกบำเพ็ญมาถึงวันที่ห้า จู่ ๆ พวกจี๋ต๋าจิ๋วตูกับพวกหลายคนนั้นก็เข้ามาหาเฉินโม่
จิตทิพย์ที่เฉินโม่ปล่อยวางไว้ข้างนอก พบเห็นหลายคนนั้นเข้ามา จึงได้หยุดการฝึกบำเพ็ญ แล้วให้พวกนั้นเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้น?” มองหน้าแต่ละคนสีหน้าไม่ดีเอาเลย เฉินโม่จึงถามไปเสียงเครียด
จี๋ต๋าจิ๋วตูพูดด้วยความรู้สึกกังวลใจว่า “เฉินโม่ หรูหั่วดูเหมือนจะเกิดเรื่อง!”
เฉินโม่ตาลุกโต “เรื่องเป็นยังไง?แกพูดให้ชัดหน่อย!”
จี๋ต๋าจิ๋วตูพูดว่า “ตั้งแต่ที่นายปิดตัวบำเพ็ญตนเป็นวันที่สาม พวกเราก็ไม่ได้พบหรูหั่วอีกเลย ทุกครั้งที่อาจารย์ที่ปรึกษาขานชื่อก็ไม่อยู่ โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ และในวันนี้ พี่ชายของหรูเฟิงมาที่โรงเรียน พวกเราถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วหรูหั่วหายไปตั้งแต่ต้นมาถึงนี่สามวันแล้ว”
“แกแน่ใจหรือ?” เฉินโม่มองไปที่จี๋ต๋าจิ๋วตู เสียงพูดเคร่งเครียดอย่างไม่เคยมีปรากฏ
เจี่ยจวินเซี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จี๋ต๋าจิ๋วตูผงกหัวรับ พูดเสียงทุ้มลึกว่า “ก่อนที่พวกเราจะมาหานาย ก็ได้ไปที่บ้านตระกูลเล่ถามรายละเอียดมาหมดแล้ว พวกเรามั่นใจเชื่อว่า เล่หรูหั่วต้องถูกจับไปเป็นตัวประกัน”
“จับเป็นตัวประกัน!” เฉินโม่ขมวดคิ้วหากันเล็กน้อย “ในหัวเซี่ยยังมีใครกล้าหรือ?”
กู่หลินเฟิงพูดต่อขึ้นว่า “เป็นไปได้อย่างมากว่าไม่ใช่คนของหัวเซี่ย ต้องเป็นคนบ้านตระกูลยามาดะของประเทศต้าเหอ”
“บ้านตระกูลยามาดะ” เฉินโม่ลดเสียงต่ำตอนที่พูดถึงชื่อนี้
กระแสหนาวเยือกในบรรยากาศ ปรากฏขึ้นทันทีในห้อง อุณหภูมิห้องลดลงจนหนาวเฉียบ จี๋ต๋าจิ่วตูกับพวกอดไม่ได้ที่จะออกอาการหนาวสะท้าน
“ดี ฉันรู้แล้ว พวกแกกลับไปกันก่อนเถอะ เรื่องนี้ขอพวกคุณอย่าได้เข้ามาสอดเลย” เฉินโม่พูดสีหน้าเคร่งขรึม
หลายคนที่มาด้วยต่างมองหน้ากัน ผงกหัว พวกเขารู้ ๆ อยู่แล้วว่าเรื่องนี้พวกเขาช่วยอะไรได้ ฉะนั้นสิ่งที่พวกเขาทำได้นั้น ก็คืออย่าเพิ่มทำให้เฉินโม่กังวลใจ
“แต่ถ้านายต้องการอะไร ก็จะต้องโทรศัพท์ให้พวกผมให้ได้นะครับ”
“อือ์ม” เฉินโม่ผงกหัว
หลายคนนั้นก็ยืนขึ้น จี๋ต๋าจิ่วตูต่างก็พูดอย่างเสียไม่ได้ว่า “ถ้างั้นพวกเราจะกลับไปก่อน มีอะไรเรียกพวกผมเลย”
“ไปเถอะ” เฉินโม่ผงกหัว
รอจนทุกคนออกไปกันไปหมดแล้ว สีหน้าของเฉินโม่หนาวเยือกขึ้นมาในทันที ถึงขนาดให้เห็นมีเกล็ดน้ำแข็ง จากสภาพความหนาวเย็นของอากาศที่ควบแน่น
“เห็นท่าเราจะประเมินมองค่าความเหิมเกริมของพวกคนประเทศต้าเหอน้อยไปแล้ว เพื่อน้ำชีวิต พวกมันถึงขนาดกล้าเข้ามาหัวเซี่ยจับหรูหั่วไปเป็นตัวประกัน!”
เฉินโม่ควักโทรศัพท์มือถือออกมา โทรฯ.เข้าไปที่โทรศัพท์ของเจียงเหอซาน
โทรศัพท์ต่อถึงกัน เจียงเหอซานก็พูดมาเลยว่า “ไม่ต้องถามเลย สาวน้อยบ้านตระกูลเล่ถูกซามูไรของพวกตระกูลยามาดะจับตัวไปแล้ว”
เฉินโม่สีหน้าหนาวเยือกอยู่แล้ว เสียงพูดยิ่งหนาวกว่าอีก “แล้วพวกแกตายกันไปหมดหรือไง?”
เจียงเหอซานพูดอะไรไม่ออก หายใจหอบหนัก เห็นได้ชัดว่าถูกคำพูดของหยางเฉินกระทุ้งใส่อย่างแรง
แต่ว่ามันก็เป็นความผิดพลาดของพวกเขาเอง โดนเฉินโม่ด่าก็ไม่มีอะไรจะพูด
“ไอ้คนประเทศต้าเหอพวกนั้นเจ้าเล่ห์เหลือร้าย แอบหลบหลุดรอดจากคนของพวกเราถึงสองกอง เรื่องนี้ผมต้องขอรับโทษจากนาย” เจียงเหอซานพูดด้วยเสียงทุ้มหนัก
“ท่านก็รู้ สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่คำขอโทษ ถ้าเพื่อนของฉันเป็นอะไรขึ้นมา ต่อให้ต้องเป็นชนวนสงครามของทั้งสองประเทศ ฉันก็ยังจะไม่คิดต้องเสียใจเลย!” เฉินโม่พูดด้วยเสียงหนักแน่นมั่นใจ
ผ่านไปสักพักใหญ่ เจียงเหอซานจึงพูดขึ้นว่า “นายอย่าเพิ่งวู่วาม พวกเราก็ได้ทำเรื่องประท้วงกับเขาไปแล้ว เพื่อนของนายคนนั้นคงยังไม่มีอันตรายในระยะหนึ่ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต้าเหอกับพวกเราหัวเซี่ยนายก็เข้าใจดี คาดว่าพวกเขาคงไม่ยอมปล่อยคนง่าย ๆ ฉะนั้นการแก้ปัญหาเรื่องนี้ จำเป็นต้องใช้เวลาหน่อย”
“ไม่ต้องแล้ว รอให้พวกคุณแก้ปัญหา เพื่อนฉันคงตายไปแล้ว” เฉินโม่ตัดบทปฏิเสธไปเด็ดขาด
“พวกคุณคอยสะกดคนฝั่งประเทศต้าเหอเอาไว้ ต้องรับรองในความปลอดภัยของเพื่อนฉัน หน้าที่เข้าช่วยคนปล่อยฉันเอง”
พูดจบ ก็ตัดสายโทรศัพท์
เจียงเหอซานยังคงตะโกนใส่โทรศัพท์อยู่ “เฉินโม่ นายอย่าทำอะไรวู่วามนะ เกิดกลายเป็นเรื่องสงครามของสองประเทศขึ้นมา จะพาชีวิตสูญเสียกันเป็นเบือ….”
สีหน้าเฉินโม่หนาวเยือก นัยน์ตาทั้งคู่สาดแสงสีเป็นทะเลเลือด “ชีวิตสูญเสียตายเป็นเบือเกี่ยวอะไรกับฉัน?ถ้าหากหรูหั่วเป็นอะไรไป ฉันจะใช้เลือดล้างประเทศต้าเหอ”
“รอให้ฉันถึงวันฝึกบำเพ็ญสำเร็จสู่แดนจิตปฐม ฉันจะให้เกาะนั้นมันจมหายไปจากโลก”